กล้วยกินแล้วมีประโยชน์แต่ถ้าเกิดกินไม่ถูกวิธีอาจเกิดโทษได้เช่นเดียวกัน

            กล้วยคือผลไม้ที่อยู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน  ในสมัยโบราณคนนิยมนำกล้วยมาบดผสมกับข้าวเพื่อให้เด็กทารกกินแทนอาหารซึ่งแน่นอนนั้นปัจจุบันในวงการแพทย์ได้มีการห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบกินกล้วยบดผสมกับข้าวแล้วเนื่องจากมีการทำวิจัยออกมาพบว่าเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือนนั้นยังคงมีระบบการพัฒนาของลำไส้ที่ยังไม่สมบูรณ์

               ดังนั้นอาหารที่ดีที่สุดของเด็กกลุ่มนี้ก็คือน้ำนมของแม่นั่นเองโดยเด็ดกลุ่มอายุต่ำกว่า 6 เดือนนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องกินของอย่างอื่นนอกจากน้ำนมของแม่ก็ได้รับสารอาหารที่เพียงพอแล้วส่วนถ้าหากใครอยากจะเอากล้วยผสมกับข้าวบดให้ละเอียดแล้วให้เด็กทานนั้นก็สามารถทานได้หลังจาก 6 เดือนเป็นต้นไปนั่นเอง

                    อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเราจะรู้ดีว่ากล้วยนั้นมีประโยชน์หากมีกินเข้าไปนั้นคุณจะได้รับประโยชน์จากการกินกล้วยมากมายไม่ว่าจะมีผลต่อระบบลำไส้หรือมีผลต่อการได้รับพลังงานต่างๆมาใช้ในร่างกายของคุณแต่อย่างไรก็ตามหากเรากินกล้วยแบบไม่ถูกวิธีกล้วยที่มีประโยชน์ก็อาจจะส่งผลทำให้เกิดโทษกับคนได้เช่นเดียวกันเรามาดูกันว่าการกินกล้วยมีโทษอย่างไรได้บ้าง

         อย่างแรกเลยเรารู้กันดีอยู่แล้วว่ากล้วยเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียวและในกล้วยนั้นก็ยังมีความหวานของน้ำตาลธรรมชาติอยู่ดังนั้นถ้าหากเรากินกล้วยเข้าไปในปริมาณมากต่อวันและเราไม่ได้ออกกำลังกายมันก็จะทำให้ร่างกายเราได้รับพลังงานมากเกินความจำเป็นซึ่งแทนที่จะส่งผลดีต่อร่างกายมันกับส่งผลเสียตามมานั่นก็คือเราอาจจะเกิดเป็นโรคอ้วนได้เช่นเดียวกัน

          นอกจากนี้การกินกล้วยนั้นควรจะเลือกกินกล้วยที่สุกแต่ถ้าหากเราเผลอไปกินกล้วยดิบแล้วเราก็มันจะส่งผลทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับระบบการย่อยของเราเกิดอาการย่อยยาก และยังมีผลไปถึงลำไส้นั่นก็คืออาจจะทำให้เรามีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของลำไส้ดูดซึมน้ำไปในปริมาณที่เยอะเพราะว่ากล้วยดิบนั้นจะไปดูดซึมน้ำในลำไส้ของเรานั่นเองนอกจากนี้อาจจะมีปัญหาเรื่องของการท้องผูกหรือท้องอืดก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน

          ดังนั้นการกินกล้วยดิบจึงต้องมีการแปรสภาพของกล้วยดิบให้กลายมาเป็นกล้วยที่สุกก่อนเช่นอาจจะทำเป็นขนมอย่างเช่นกล้วยดิบอบน้ำผึ้งอย่างไรก็ตามด้วยก็เป็นเพียงแค่ผลไม้ชนิดหนึ่งไม่ได้มีคุณสมบัติเกี่ยวกับเรื่องของการรักษาโรคแต่อย่างใดเพียงแต่ว่ากล้วยนั้นให้พลังงานค่อนข้างเยอะดังนั้นเราจึงร่วมกินกล้วยในปริมาณที่พอเหมาะก็เพียงพอแล้วและควรที่จะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็จะทำให้เรานั้นได้รับประโยชน์ดีๆจากกล้วยนั่นเอง  

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  ufabet

การกินไข่ไก่ให้เหมาะสมกับวัย 

         ไข่ไก่คือแหล่งโปรตีนชั้นดีและที่สำคัญนั้นไข่ไก่ย่างให้พลังงานแคลอรี่ที่ต่ำมากอีกด้วยและยังเต็มไปด้วยสารอาหารต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นธาตุเหล็กหรือแม้แต่ฟอสฟอรัสและแคลเซียมรวมถึงวิตามินต่างๆไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอวิตามินบี 1 หรือแม้แต่บี 2 หรือ b6 ก็ตามแต่นอกจากนี้ยังมีสารอื่นๆอีกมากมายที่อยู่ในไข่ไก่เรียกได้ว่าไข่ไก่นั้นคือของขวัญจากสวรรค์อย่างแท้จริงเลยก็ว่าได้

        ในปัจจุบันนั้นไข่ไก่นั้นมีราคาที่ค่อนข้างถูกมากซึ่งเราสามารถซื้อไข่ไก่มากินได้ทุกวันและโดยปกติแล้วบ้านแต่ละหลังนั้นก็มักจะมีไข่ไก่อยู่ติดบ้านอยู่เสมอเพราะถ้าหากว่าไม่มีอะไรทำกินหรือนึกเมนูอะไรไม่ออกแล้วก็เมนูที่สามารถทำได้ง่ายมากที่สุดก็คือการทำไข่ดาวหรือไข่เจียวรวมถึงไข่ต้มนั่นเอง

          อย่างไรก็ตามถึงแม้เราจะรู้ว่าไข่ไก่นั้นมีสารอาหารต่างๆมากมายและสารอาหารต่างๆเหล่านั้นก็กินเข้าไปแล้วเกิดประโยชน์กับร่างกายแต่การกินไข่ไก่เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้นก็ต้องนึกถึงอายุของเราด้วยเพราะคนแต่ละวัยนั้นจะกินไข่ไก่ในปริมาณที่แตกต่างกันถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีแตกต่างกันนั่นเองดังนั้นเรามาดูกันว่าในแต่ละวัยนั้นเหมาะกับการกินไข่ไก่ในปริมาณเท่าไหร่ 

        เริ่มตั้งแต่อยู่ในท้องแม่เลยคนที่ตั้งท้องควรจะต้องกินไข่ไก่วันละ 1 ฟองเพราะในไข่ไก่นั้นมีทั้งธาตุเหล็กและโฟเลตรวมถึงโคลีนโปรตีนซึ่งสารอาหารต่างๆเหล่านี้มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งกับทารกในครรภ์เพื่อช่วยให้ทารกในครรภ์นั้นมีการพัฒนาทางด้านสมองและเยื่อเยื่อของระบบประสาทได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

        นอกจากนี้เมื่อคลอดออกมาแล้วอายุประมาณ 6-7 เดือนก็สามารถกินไข่ไก่ได้แล้วโดยเราสามารถนำไข่ไก่มาใช้ในการประกอบอาหารเช่นนำมาต้มจนสุกหลังจากนั้นก็มาบดผสมกับข้าวสวยซึ่งถ้าหากกินไข่ไก่นั้นสำหรับเด็กอายุ 6 ถึง 7 เดือนกินแค่วันละครึ่งฟองก็เพียงพอกับความต้องการของร่างกายแล้ว

        และเมื่อโตมาอายุ 8 ถึง 12 เดือนนั้นคุณสามารถเพิ่มปริมาณไข่ไก่ให้มากขึ้นได้โดยอาจจะกินครึ่งฟองหรือว่า 1 ฟองต่อวันก็ได้เช่นเดียวกันนอกจากนี้ถ้าหากเด็กอายุตั้งแต่ 1 ขวบจนถึง 5 ขวบขึ้นไปหรือแม้แต่เด็กวัยรุ่นก็สามารถที่จะกินไข่ไก่ได้วันละ 1 ฟองได้เลยซึ่งจะทำให้เด็กนั้นได้รับสารอาหารครบถ้วนจากไข่ไก่นั่นเอง

        และเมื่อคุณสูงอายุแล้วการทานไข่ไก่นั้นก็ยังสามารถทานได้เช่นเดียวกันโดยสามารถทานทุกวันได้วันละ 1 ฟองซึ่งการทำแบบนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของไขมันในเลือดสูงเพราะไข่ไก่ยังส่งผลดีต่อคนสูงอายุและวัยทำงานนั่นเองแต่อย่างไรก็ตามไข่ไก่ที่ดีควรจะใช้กินในลักษณะของการต้มกินไม่ควรที่จะกินแบบทอดเพราะจะมีน้ำมันค่อนข้างเยอะแล้วจะส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่านั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.    sa casino ฟรี300

สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อเข้าสู่ภาวะไตเสื่อมระยะที่5

เมื่อเรารู้ว่าเราอยู่ในภาวะไตเสื่อมระยะที่5แล้วห้ามทำเด็ดขาดเมื่อเราเข้าสู่ไตเสื่อมระยะที่5เราเชื่อเลยว่าหลายๆคนน่าจะมีความวิตกกังวลมากขึ้นแล้วอย่างเมื่อก่อนเริ่มไตเสื่อมระยะ1-2ไปหาหมอรอบนี้หมอบอกว่าไตคุณเริ่มเสื่อมเข้าระยะที่5แล้วนะระยะที่5ก็คือระยะสุดท้าย

เพราะระยะของไตเสื่อมมีทั้งหมด5ระยะพอเข้าสู่ระยะที่5ก็คือระยะสุดท้ายแล้วหลายๆคนก็จะเริ่มวิตกกังวลไปไม่เป็นไปไม่ถูกไม่รู้จะทำตัวยังไงไม่รู้จะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไงดีเราก็จะมีบางสิ่งบางอย่างที่ไอยากให้คุณทำ

ถ้าหากว่ามีภาวะไตเสื่อมระยะที่5ตัวอย่างนี้ไม่ควรทำ ข้อที่หนึ่งเลยก็คือ ห้ามมีภาวะเครียดและวิตกกังวลเป็นธรรมดาเมื่อระยะของไตมัมนมาถึงระยะสุดท้ายแล้วหลายๆคนเกิดภาวะเครียดแน่นอนแต่อย่างแรกเลยเราอยากจะให้ทุกคนตั้งสติ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้ตั้งสติได้และเราเริ่มเรียนรู้อย่างจริงจัง

ซึ่งตอนที่เรามีภาวะไตเสื่อมระยะ1-4หลายๆคนอาจจะใช้ชีวิตก็ไม่เห็นเป็นอะไรแบบนี้มันยังไม่มีอาการเท่าไหร่แต่พอเข้าสู่ระยะที่5อาการมันจะเห็นชัดขึ้นแล้วอย่างเช่นอาการบวมฉี่ออกน้อยลงหน้าจะบวมมันจะเห็นได้ชัดมากเลยขาทั้งสองขาเริ่มบวมเริ่มฉี่น้อยลงเริ่มจะกินอะไรไม่ค่อยจะได้เริ่มคลื่นไส้อาเจียนเริ่มมีความเสี่ยงกับหลายๆอย่างที่มันเห็นได้ชัดมากขึ้น

ดังนั้นเมื่อถึงเวลานั้นเราจะเริ่มกังวลมากขึ้นแล้วและทีนี้แบบว่าถ้าหลายคนที่วิตกกังวลอันดับแรกเลยจะต้องตั้งสติและหลังจากนั้นเรียนรู้ว่าระยะที่5จะต้องทำตัวยังไงกินยังไงกินน้ำได้ขนาดไหนกินโปรตีนได้ขนาดไหนและจะต้องระมัดระวังอะไรบ้างศึกษา

นอกจากนี้อันดับแรกเลยก็คือพยายามควบคุมความเครียดของตัวเองให้ได้ก่อนตั้งสติให้ได้ก่อนหลังจากนั้นเราจะสามารถไปต่อได้สามารถที่จะเรียนรู้เพื่อที่จะต่อยอดความรู้ของเราต่อไปได้แบบว่าลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูหลายๆคนที่มีภาวะไตเสื่อมระยะที่5แล้วสามารถที่จะชะลอไตเสื่อมของไตและชะลอการฟอกไตออกไปได้เป็นปเลยก็มีเช่นกัน

เนื่องจากนี้บางคนก็สามารถอย่างคนผู้สูงอายุสักประมาณ60กว่าๆซึ่งส่วนใหญ่แล้วมันจะมีภาวะ ไตเสื่อมมาตามวัยอยู่แล้วถ้าสมมุติว่าเราควบคุมอาหารดีๆดูแลในเรื่องของภาวะแทรกซ้อนจากโรคความดันโรคเบาหวานที่หลายๆคนอาจจะมีก่อนที่จะมามีภาวะไตเสื่อมดูแลให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอย่างเช่นคุมเบาหวานได้คุมความดันได้มันก็จะช่วยชะลอการเสื่อมของไตได้

 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย.    ufabet เว็บแม่