การลงเท้าสำหรับนักวิ่งหน้าใหม่

ต้องบอกว่าด้วยสรีระของแต่ละคนไม่เหมือนกันเพราะฉะนั้นคำว่าถูกกับผิดมันค่อนข้างที่จะแยกออกยากแต่ถ้าท่าไหนคุณวิ่งแล้วมันก่อให้เกิดการบาดเจ็บแสดงว่ามันผิดกับสรีระของคุณจริงๆแล้วเราจะต้องแยกออกก่อนว่าการลงเท้าของเรามีทั้งหมดสามแบบแต่ละแบบมันไม่ได้เหมาะกับทุกระยะมันจะแยกกันอยู่ไว้แล้ว

โดยใมนหนึ่งคนไม่ใช่วิ่งลงเท้าแบบเดียวเพราะว่าบางทีเราต้องใช้ความเร็วที่แตกต่างกันเมื่อมีความเร็วเข้ามาเกี่ยวข้องการสัมผัสพื้นมันก็จะต้องแตกต่างกันออกไปด้วย แบบที่หนึ่งคือการ กลิ้งเท้า คำว่ากลิ้งเท้ามันจะสัมผัสพื้นความรู้สึกจริงๆมันจะอยู่ที่อุ้งเท้าแต่ด้วยแรงที่เรากระแทกลงมาจากน้ำหนักตัวมาสู่พื้นมันจะทำให้ส้นเท้าและกลางเท้าไถไปด้วย

นอกจากนี้ความรู้สึกจะอยู่ที่ส้นจนถึงกลางเท้าส้นเท้าในที่นี้จะเป็นด้านข้างไม่ใช่ตรงๆซึ่งสังเกตง่ายๆว่าส้นรองเท้าด้านข้างเรามันจะสึกเพราะว่ามันถูกการเสียดสีหรือว่าไถไปมันจะสึกแต่ว่าอุ้งเท้าหรือปลายเท้าจะไม่ค่อยสึกเพราะว่าเราลงกระแทกพื้นเต็มๆการวิ่งแบบนี้มันจะช้าเพราะสัมผัสพื้นเยอะ

แบบที่สองจะเป็นแบบ อุ้งเท้า คำว่าอุ้งเท้าในที่นี้บางคนยังไม่รู้เลยว่าอยู่ตรงไหนเหนือกลางฝ่าเท้าขึ้นไปมันจะเป็นอุ้งใครไม่รู้ให้กระดกน้ำขึ้นมาจะรู้เลยว่าตรงกลางมันนูนๆขึ้นมาใต้นิ้วเรานั่นคืออุ้งเท้าจะโดนเฉพาะระหว่างตรงใต้นิ้วเค้าจะเรียกอุ้งส่วนนั้นคือส่วนที่จะต้องสัมผัสพื้นแล้วส้นจะไม่ดีดเลยมันจะติดอุ้งแล้วก็ปลายๆก็จะดีดส่งไปอีกหนึ่งเก้าต่อไปนี่คือการลงด้วยอุ้งเท้า

แต่คนที่วิ่งการลงด้วยอุ้งเท้านี้จะต้องค่อนข้างที่จะแข็งแรงไม่ว่าจะเป็นน่องไม่ว่าจะเป็นข้อเท้าเอ็นฝ่าเท้าพวกนี้จะต้องแข็งแรงถ้าเกิดว่าไม่ได้รับการฝึกฝนมาก็จะวิ่งได้ไม่นานเพราะฉะนั้นระยะนี้อาจจะเหมาะกับนักวิ่งระยะกลางพวก800 เมตร 1,500เมตร3,000เมตรบางคนที่เขาแข็งแรงก็อาจจะ5,000เมตรก็อาจจะใช้วิ่งได้เพราะว่าพวกนี้จะเกิดขึ้นกับความแข็งแรงที่นักกีฬาคนใดคนหนึ่งสะสมมา

ส่วนแบบที่สามจะเป็น แบบปลายเท้ามันจะเหลือเฉพาะนิ้วเท้าทั้ง5เท่านั้นที่จะต้องจิกลงอันนี้จะเหมาะสำหรับคนที่วิ่งเร็วอย่างพวกวิ่ง100เมตร200เมตรหรือว่าเต็มที่400เมตรอันนี้จะใช้ปลายเท้าจิกลงไปอย่างเดียวเลยเพราะระยะนี้มันต้องใช้ความเร็วสูงเพราะฉะนั้นการสัมผัสพื้นมันจะเหลือน้อย

 

สนับสนุนโดย  ทางเข้า ufabet ภาษาไทย

โรคระบบปัสสาวะ หนึ่งในโทษของการสูบบุหรี่

ในข้อนี้ก็เช่นเดิม มันคือผลพวงมาจากการที่สารไปทำให้ระบบกระแสเลือดไหลเวียนผิดปกติ แล้วนั้นก็ทำให้เลือดไม่ได้ลำเลียงสารอาหารไปยังส่วนต่างๆของร่างกายได้เพียงพอ การที่เลือดไม่ไปเลี้ยงก็แน่อยู่แล้วต้องมีอาการของเซลที่ค่อยๆตายหรือหมดสภาพลงเรื่อยๆ เพียงแค่การสูบบุหรี่แล้วทำให้เส้นเลือดต่างๆอุดตันนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่มากๆและส่งผลกับทั้งร่างกายอย่างยิ่ง

และนั้นก็คือเหตุผลสำคัญที่ควรจะเลิกบุหรี่หรือค่อยๆสูบให้น้อยลง ซึ่งวันนี้เราก็จะมาเจาะมาที่ระบบขับถ่ายของเรานั้นคือระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นที่รู้กันดีว่าร่างกายเรานั้นจำเป็นต้องระบบน้ำออกจากร่างกายเนื่องจากเรานั้นต้องดื่มน้ำเพื่อล้างระบบต่างๆอยู่ตลอด แล้วจะให้น้ำเหล่านั้นหายไปเฉยๆคงจะเป็นไปไม่ได้ ก็จะออกตามผิวหนังส่วนหนึ่งนั้นก็คือเหงื่อ แต่หลักๆแล้วก็จะไปที่ระบบทางเดินปัสสาวะนั้นก็คือกระเพาะปัสสาวะนั้นเอง

กระเพาะปัสสาวะนั้นมีความเสี่ยงในการเป็นโรคได้หลายโรค แต่ละโรคนั้นก็มีสาเหตุต่างๆกันไป แต่ว่าสารนิโคตินที่อยู่ในบุหรี่ที่คนสูบนั้นต้องการสูบเข้าไปเป็นสารสำคัญที่จะไปทำให้ระบบของการขับปัสสาวะนั้นมีปัญหา ซึ่งนิโคตินนั้นมีฤทธิ์ที่จะไปทำให้กล้ามเนื้อต่างๆนั้นอ่อนแรงลง รวมถึงกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะด้วย

กระเพาะปัสสาวะนั้นมีหน้าที่เก็บปัสสาวะแล้วก็มีหน้าที่บีบให้ปัสสาวะนั้นออกมาตามระบบทางเดินปัสสาวะเช่นกัน ถ้าเกิดว่ากระเพาะนั้นไม่มีแรงบีบปัสสาวะก็จะทำให้เป็นโรคที่เรียกว่ากล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะอ่อนแรง นั้นแหละคือประเด็นสำคัญของเรา เพราะว่าอีกหนึ่งเหตุผลก็คือระบบลำเลียงเลือดที่จะมาเลี้ยงกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะก็จะน้อยลงด้วยสาเหตุจากการอุดตัน คนที่มีปัญหาในโรคนี้ก็จะมีอาการของการปัสสาวะที่ผิดปกติและจนไม่สามารถปัสสาวะด้วยตัวเองได้

อีกทั้งซ้ำร้ายด้วยโรคที่น่ากลัวที่สุดสำหรับมนุษย์ นั้นก็คือการเป็นมะเร็งที่กระเพาะปัสสาวะนั้นเอง นั้นก็เพราะว่าเมื่อเราสูบบุหรี่แต่ละครั้งนั้นย่อมมีสารพิษมากมายเจือปนอยู่กับกระแสเลือด และน้ำที่ทำหน้าที่ในการล้างกระแสเลือดนั้นก็จะนำสารพิษนี้ตรงเข้าไปสู่กระเพาะปัสสาวะนั้นเอง ดังนั้นกระเพาะปัสสาวะก็เปรียบเสมือนแท้งเก็บสารพิษดีๆนี่เอง

และยิ่งนานวันเข้าสารพิษก็เกาะผนังกระเพาะมากขึ้นทำให้เกิดเป็นเซลมะเร็งได้ ซึ่งส่วนมากนั้นก็จะเป็นมะเร็งที่เยื่อบุกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งนั้นเป็นการที่ทำให้รักษาได้ลำบากมากๆ ลองนึกภาพคนเราที่ไม่สามารถเอาน้ำออกจากร่างกายได้ด้วยตัวเอง แล้วจะต้องใช้วิธีอะไรมากมายที่ฟังดูแล้วน่าจะทรมานน่าดู

 

สนับสนุนโดย    gclub ฝาก ขั้นต่ำ 20

การนอนดึกส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างไร

ปัจจุบันการเพื่อที่จะให้ร่างกายมีประสิทธิภาพมากที่สุด ควรน้อยอย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง แต่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่นั้นคงไม่มีใครทำได้อย่างแน่นอน เพราะเนื่องด้วยสังคมสมัยนี้เต็มไปด้วยชีวิตของการทำงาน จนไม่มีแม้แต่เวลานอนเลยก็ว่าได้ แต่รู้หรือไม่ว่า การนอนนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากต่อร่างกาย เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถช่วยเสริมสร้างให้ร่างกาบของเรานั้นมีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น

ไม่เพียงแต่สุขภาพกายเท่านั้น ยังส่งดีไปยังสุขภาพจิตของเราได้เป็นอย่างดีอีกด้วย แต่ก็เชื่อว่า หลายคนคงมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งในหน้าที่การงาน ครอบครัว หรืออื่น ๆ เพราบางคนอาจจะคิดว่าการนอนน้อยนั้นจะช่วยให้เราทำงานได้มากขึ้นกว่าคนอื่น ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การนอนเต็มอิ่มจะช่วยให้เรามีความคิดที่สร้างสรรค์มากกว่าคนอื่นอีกต่างหาก

หาใครที่คิดว่าการที่เรานอนน้อยแล้วจะได้งานเยอะนั้นคุณคิดผิด เพราะนอนจากจะทำให้เรานอนดึกแล้ว ยังส่งผลเสียต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมากอีกด้วย ดังนั้นวันนี้เราจะมายกตัวอย่างผลเสียที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายของเราเมื่อเรามีพฤติกรรมการนอนดึก

  • โรคอ้วน รู้หรือไม่ว่า การนอนดึกนั้นก็อาจเสี่ยงต่อการเป็นนโรคอ้วนได้เช่นกัน โดยเฉพาะกับผู้หญิงอย่างเราเพราะมีความเสี่ยงมากกว่าผู้ชาย เพราะเนื่องจากการนอนดึกแล้ว ก็จะมีส่วนในการทำให้พฤติกรรมการกินของเรานั้นเปลี่ยนไป ทำให้รู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลา ยิ่งนอนดึกมากแค่ไหน กินยิ่งหิวมากเท่านั้น ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่ควรนอนก็ควรวางมือจากการทำสิ่งต่าง ๆ และเข้านอนให้ตรงเวลาจะดีที่สุด
  • ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต รู้หรือไม่ว่าเมื่อเรานอนดึกเป็นประจำ จะส่งผลเสียต่อร่างกายของเราได้หลังการตื่น เพราะเมื่อเรานอนดึกเป็นประจำทุกวันนานๆ ไปก็อาจส่งผลให้หลังการตื่นนอนของเรานั้นมีอารมณ์ที่ไม่ปกติ ไม่ว่าจะเป็น ซึมเศร้าง่าย มีความคิดเชิงลบมากกว่าบวก มีภาวะการวิตกกังวล เป็นต้น นอกจากจะส่งผลเสียไปยังสุขภาพจิตของเราแล้วก็อาจส่งผเลยไปยังสุขภาพร่างกายของเราได้เช่นกัน
  • มีริ้วรอย เชื่อว่าหลายคนคงรู้กันอยู่แล้วว่า เมื่อเรานอนดึกจะเห็นได้เลยว่าร่างกายของเรานั้นจะดูไม่ดี ไม่มีสุขภาพ และรวมไปถึงเรื่องของผิวเราด้วย เมื่อไหร่ที่เรานอนดึกมาก ๆ นาน ๆ ไปจะทำให้ผิวของเราเกิดการเหี่ยวย่น และมีริ้วรอยขึ้นได้ง่ายนั่นเอง อีกทั้งยังส่งผลให้เกิดการเป็นสิวได้อีกด้วย ดังนั้นหากใครที่นอนดึกเป็นประจำก็จะสามารถสังเกตได้เลยว่าผิวดูไม่มีน้ำมีนวลและร่างกายก็จะไม่ได้รับการฟื้นฟู ทั้งนี้หากต้องการมีผิวที่มีสุขภาพดี รวมไปถึงร่างกายด้วยก็ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานอย่างเต็มที่

 

 

สนับสนุนโดย    gclub สมัครสมาชิก

กาแฟแก้ไมเกรนได้หรือไม่

หลายคนคงรู้กันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า ในกาแฟนั้นจะมีส่วนผสมของคาเฟอีนเป็นหลัก หากเราดื่มเข้าไปเป็นประจำคาเฟอีนก็จะถูกดูดซึมเข้าไปสู่กระแสเลือดและส่วนต่างๆของร่างกาย และแน่นอนว่าเมื่อร่างกายของเราได้รับคาเฟอีนเข้าไปในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะเป็นผลดีต่อร่างกาย

เพราะจะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นระบบประสาทให้รู้สึกตื่นตัว มีสมาธิในการทำงานมากขึ้นอีกด้วย แต่เมื่อใดที่ร่างกายของเราได้รับคาเฟอีนเข้าไปในปริมาณมากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายของเราได้เช่นกัน ซึ่งจะทำให้ร่างกายของเราได้รับผลกระทบโดยตรง ไม่ว่าจะเป็น อาการใจสั่น รู้สึกไม่สบายตัว ปวดหัว นอนไม่หลับ หรืออาจมีผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่รุนแรงตามมาก็ได้ ดังนั้น หากถามว่าการดื่มกาแฟสามารถช่วยในเรื่องของการลดไมเกรนได้หรือไม่ วันนี้เรามีคำตอบค่ะ 

การดื่มกาแฟนั้นสามารถช่วยลดอาการไมเกรนได้เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น ไม่ได้ช่วยบรรเทาไปตลอด เพราะส่วนผสมหลักของกาแฟก็คือคาเฟอีน ซึ่งตัวคาเฟอีนจะมีฤทธิ์ที่ช่วยในการหดตัวของหลอดเลือดเมื่อเรามีอาการปวดไมเกรนระยะเฉียบพลัน ดังนั้น เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกปวดหัวไมเกรน การดื่มกาแฟเข้าไปอาจจะช่วยบรรเทาอาการปวดให้ลดลงได้

เพราะกาแฟก็เปรียบเสมือนยาที่ช่วยรักษาโรคได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม อย่างที่ได้บอกไปว่า สามารถช่วยเรื่องไม่เกรนได้แต่ก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่หากเราดื่มเป็นประจำไม่ขาด ก็อาจจะช่วยในระยะยาวได้ เพราะคาเฟอีนเป็นตัวเข้าไปกระตุ้นระบบประสาทให้ตื่นตัว และทำให้หลอดเลือดของเราเกิดการหดตัว

แต่เมื่อไหร่ที่เราหยุดกิน ก็อาจจะส่งผลเสีย ทำให้อาการไมเกรนของเรากำเริบขึ้นมาก็ได้ หรือบางคนอาจจะเป็นหนักมากกว่าเดิมก็มี ทั้งนี้ เราจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า กาแฟนั้นไม่ได้เป็นตัวช่วยที่สามารถรักษาอาการไมเกรนให้หายได้ แต่เป็นเพียงตัวช่วยบรรเทาอาการเท่านั้น ซึ่งข้อดีของการดื่มกาแฟสำหรับผู้ป่วยไม่เกรนคือ เมื่อเราได้รับกาแฟเข้าไปในร่างกายในปริมาณที่เหมาะสม จะสามารถลดความเครียดของเราลงได้อีกด้วย เพราะเชื่อว่าสังคมสมัยนี้หลายคนคงมีเรื่องให้เครียดกันเยอะ

ฉะนั้น การดื่มกาแฟอย่างน้อยวันละ 2 แก้ว นอกจากจะช่วยลดความเครียดแล้วยังทำให้เรานั้นรู้สึกสดชื่นได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม การใช้ชีวิตในสมัยนี้เป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และครบทั้ง 5 หมู่ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ดูแลรักษาสุขภาพร่างกายอยู่เสมอเพียงแค่นี้ก็สามารถมีสุขภาพร่างกายที่แข็ง และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

 

ได้รับการสนับสนุนโดย.  ทางเข้า ufabet ภาษาไทย