วิธีการจัดเก็บวิตามินซี อย่างถูกต้อง 

 

           เชื่อว่าปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่มักจะซื้อวิตามินซีมารับประทานกันเพื่อต้องการให้ร่างกายนั้นมีวิตามินซีเพียงพอกับที่ร่างกายต้องการและยังช่วยให้เสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงไม่เป็นหวัดง่าย

และโดยปกติแล้วคนที่ทานวิตามินซีเป็นประจำมักจะมีวินัยในตัวเองอยู่แล้วโดยส่วนใหญ่แล้วจะทานวิตามินซีนั้นทุกวันและทางตรงเวลาทุกวันแต่คุณรู้หรือไม่ว่าวิตามินซีที่คุณทานเข้าไปนั้นถ้าหากคุณมีการจัดเก็บไม่ถูกวิธีวิธีที่คุณทานเข้าไปก็อาจจะไม่ส่งผลดีหรือไม่ส่งประโยชน์ให้กับร่างกายของคุณเลยก็ได้ 

            โดยถ้าหากคุณไม่รู้จักวิธีการเก็บรักษาวิตามินซีที่ถูกต้องนั้นมันจะทำให้วิตามินซีของคุณนั้นสูญเสียคุณสมบัติที่ดีของมันไปหรือสูญเสียความสามารถของมันไป

ซึ่งโดยปกติแล้ววิตามินซีนั้นมันไม่ชอบแสงแดดไม่ชอบอากาศร้อนและยังไม่ชอบอากาศชื้นอีกด้วยดังนั้นวิธีการจัดเก็บวิตามินซีที่ถูกต้องก็คือคุณควรจะต้องใส่วิตามินซีไว้ในขวดกันแสงได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรจะมีลักษณะเป็นสีน้ำตาลและคุณควรที่จะเก็บไว้ภายในบ้านไม่ควรเอาวิตามินซีไปใส่ไว้ในรถ

          เพราะบางคนนั้นมีความเชื่อว่าหากพบวิตามินซีติดตัวจะได้ทานตอนไหนก็ได้แต่คุณรู้หรือไม่ว่าปกติแล้วเวลาที่คุณขับรถนั้นรถของคุณก็จะตากแดดซึ่งอุณหภูมิในรถนั้นจะร้อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณจอดรถตากแดดเอาไว้และมีวิตามินซีอยู่ภายในรถนั้นแสงแดด

มันจะไปทำลายคุณสมบัติที่ดีของวิตามินซีทำให้แทนที่คุณจะได้กินวิตามินซีคุณก็จะกลายกินแค่เม็ดเพียงอย่างเดียวเท่านั้นรวมถึงบางคนนั้นชอบเอาวิตามินซีไปใส่ไว้ในกล่องใส่ยาเพราะต้องการพกติดตัวไปไหนมาไหนด้วยอันที่จริงแล้วกล่องใส่ยานั้นมันสามารถทำให้แสงส่องถึงๆซึ่งเป็นวิธีการแบบที่ไม่ถูกต้องเลยทีเดียว 

          ดังนั้นการเก็บวิตามินซีที่ถูกต้องก็คือควรเก็บไว้ในขวดที่จัดเก็บวิตามินซีโดยเฉพาะซึ่งเป็นขวดที่สามารถกรองแสงได้และควรจะเก็บไว้ในที่เย็นอยู่ในบ้านไม่ต้องนำออกไปทานนอกบ้าน

เพราะเราสามารถทานวิตามินซีในช่วงเวลาเช้าหรือในอาหารมื้อเย็นของเราก็ได้โดยส่วนใหญ่แล้วการทานวิตามินซีนั้นผู้คนส่วนมากมักจะทานในช่วงเช้าอยู่แล้วดังนั้นเราจึงไม่ควรนำวิตามินซีพกติดตัวไปด้วย 

เพราะถ้าหากว่าวิตามินซีนั้นถูกแดดสูญเสียคุณสมบัติที่ดีของมันไปแล้วต่อให้เรากินทุกวันก็ไม่ทำให้เกิดประโยชน์ในร่างกายของเราแต่อย่างใดนั้นเอง

 

ขอบคุณ  gclub  ที่ให้การสนับสนุน

การทำ IF แบบถูกวิธีช่วยให้ผอมได้จริง

สำหรับผู้ที่มีเวลาเร่งด่วนในการเดินทางไปทำงานอาจจะมีปัญหาในการเลือกทานอาหารได้ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าคุณสามารถที่จะเลือกทำไอเอฟในเวลานั้นได้ด้วยเหมือนกัน การทำ IF แบบถูกวิธี โดยคุณสามารถที่จะเลือกทำ I F ซึ่งมื้อเช้าก็เลือกที่จะไม่กินนั่นเอง 

ซึ่งถ้าหากใครต้องการทำสูตร 16/8 ก็สามารถที่จะเริ่มกินมื้อแรกในตอนเที่ยง ซึ่งตอนบ่าย 3 น. หรือ บ่าย 4 น. ก็อาจจะมีเบรค จากนั้นมื้อเย็นก็ให้เริ่มกินสัก 18:00 น จนถึง 19:00 น โดยไม่ให้เกินเวลา 20:00 น โดยหลังจาก 20:00 น เป็นต้นไปก็จะไม่กินอะไรแล้ว สิ่งที่กินได้นั่นก็คือน้ำเปล่าอย่างเดียว 

โดยเรียกได้ว่าเราสามารถที่จะกำหนดเวลาได้เอง เอาที่มันเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเรา ซึ่งเราจะต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับสารอาหารเหล่านั้นด้วย และยังต้องเข้าใจเกี่ยวกับปริมาณอาหารที่เราจะกินเข้าไปอีกด้วยนะ หลายๆคนมักจะมีการกำหนดหรือทำ I F สามารถกำหนดเวลากิน ไปแล้ว 

โดยช่วงอดนั้นก็มักจะอดอย่างเต็มที่ แต่ในช่วงเวลาที่กินได้ก็ดันกินน้อยจนเกินไป หลายคนมักจะมีอารมณ์ว่าอยากจะลดน้ำหนักแบบจริงจัง ทำให้ช่วงอดก็ไม่กินเช่นกัน ทำให้ช่วงที่กินได้ก็ไปกินน้อย เป็นมุ่งเน้นกินแต่สลัดผักกินแต่ผลไม้ซึ่งแบบนี้เรียกว่ากินแล้วได้สารอาหารที่ไม่ครบคุณรู้หรือไม่ว่าแบบนี้มันไม่ได้ต่างอะไรกับการอดอาหารแม้แต่น้อย 

เรียกได้ว่าได้แคลอรี่น้อยจนเกินไปและยังได้สารอาหารที่ไม่ครบอีกด้วย ทำให้ส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพของเราอย่างแน่นอน หรือในบางคนก็มี Myset ที่ผิดเกี่ยวกับการ ในการทำไอเอฟ โดยรู้สึกว่าในช่วงที่กินก็คือไม่กินเลย แต่คือช่วงที่กินได้ก็กินเท่าไหร่ไม่อั้น ซึ่งจะกินอะไรก็ได้ไม่ซีเรียส 

จริงๆแล้วคนที่บอกแบบนี้หรือทำแบบนี้อยู่ หลายๆครั้งพวกเขามักจะไปฟิตเนสหรือไปออกกำลังกาย อย่างหนักๆอยู่แล้วจึงทำให้พวกเขาค่อนข้างที่จะกินได้เยอะ จึงทำให้พวกเขาไม่มีปัญหาใดๆ แต่ถ้าหากว่าเรากำลังเป็นคนที่จะเริ่มต้นในการลดน้ำหนักอยู่ ในช่วงอดเราก็อดเต็มที่แล้ว ถึงเวลามากินเราจัดหนักจัดเต็ม ถ้าหากว่าเรากินเยอะเกินไปหรือกินโดยที่เราไม่เลือกนั้น 

เราเชื่อว่าต่อให้คุณทำไอเอฟน้ำหนักของคุณก็ไม่ลดลงอยู่ดีเพราะเราจะต้องดูสารอาหารให้ครบและจะต้องกินในปริมาณที่พอเหมาะอีกด้วย ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่ยากและก็ไม่ได้ง่ายถ้าหากรู้จักหลักในการกินก็สามารถที่จะทำไอเอฟและ สามารถที่จะลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีได้โดยที่จะไม่โยโย่และคุณจะไม่เกิดอาการ effect อื่นๆที่ตามมาดังนั้นถ้าหากต้องการทำไอเอฟตามเวลาคุณก็ควรที่จะควบคุมอาหารอย่างถูกต้องอีกด้วย

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  www.ufabet.com ช่องทางเข้าเว็ปพนัน

เกร็ดความรู้ก่อนรับประทานวิตามินซี

โดยส่วนตัวแล้วเราจะต้องรู้ก่อนเลยว่า  ก่อนรับประทานวิตามินซี  ถ้าหากว่าเราไปรับประทานวิตามินซีเม็ด200มิลลิกรัมมันจะดูดซึมได้100%เลยทาน200มิลลิกรัมได้200แต่ถ้าหากว่าท่านรับประทานเม็ดขนาด500มิลลิกรัมมันจะดูดซึมได้แค่เพียง75%ทาน500มิลลิกรัมดูดซึมได้375มิลลิกรัมประมาณนี้

นอกจากนี้ถ้าท่านทานเม็ด1,000มิลลิกรัมดูดซึมได้500มิลลิกรัมหรือว่า50มิลลิกรัมเท่านั้นเองและในส่วนที่เหลืออยู่ไปไหนมันก็จะทำให้ท่านแสบท้องมันก็จะทำให้ท่านเสี่ยงเป็นนิ่วในไตเพราฉะนั้นแล้วถ้าจะให้เราแนะนำเราว่าแนะนำทานเม็ด200-500มิลลิกรัมทานเช้าเย็นก็จะได้ประโยชน์แล้วก็ความเสี่ยงต่ำที่สุด

ถามว่าทาน1,000มิลลิกรัมได้ไหมก็ได้ซีเรียสแต่ว่าถ้าจะให้ดีเลยนะก็แนะนำว่าให้ทาน500มิลลิกรัมเช้าเย็นก็น่าจะเหมาะสมจากการตัวเลขที่ได้มีการวิจัยออกมาและนี่ก็เป็นสิ่งที่คุณจะต้องรู้ปริมาณที่เหมาะสมต่อวันเวลาที่เหมาะสมก่อนที่ท่านจะทานวิตามินซี

นอกจากนี้สิ่งที่ท่านควรจะต้องรู้ก่อนที่จะรับประทานวิตามินซีนั่นนก็คือ การเก็บรักษาวิตามินซีอย่างถูกต้อง ถ้าท่านทานวิตามินซีตรงเวลาทุกวันทานได้ถูกต้องทุกวันทำได้ทุกอย่างถูกต้องหมดเลยแต่เก็บผิดการเก็บวิตามินซีที่ผิดจะทำให้วิตามินซีสูญเสียความสามารถของมันไป

โดยตัววิตามินซีของมันแล้วเป็นวิตามินที่ไม่ชอบแสงแดดไม่ชอบความชื้นเพราะฉะนั้นแล้วที่ไหนก็ตามมีความชื้นสูงมีแสงแดดรุนแรงวิตามินซีหายหมดเหลือแต่แป้งเปล่าๆเพราะฉะนั้นแล้ววิตามินซีควรจะเก็บในภาชนะที่มิดชิดอาจจะเป้นขวดวิตามินซี

ซึ่งเราแนะนำว่าให้เป็นขวดที่กรองแสงก็คือขวดที่เป็นสีน้ำตาลสำหรับท่านที่แกะวิตามินซีมาใส่กล่องใสๆโอกาสที่จะสูญเสียความสามารถของวิตามินซีก็มีสูงและท่านที่ชอบเก็บวิตามินซีในรถคือหลายๆท่านบอกว่าเราจะได้กินแล้วเราจะได้แข็งแรงเราก็เก็บวิตามินซีเอาไว้ในรถเลยจะได้ไม่ลืมรถของท่านจอดตากแดด40องศาวิตามินซีหายหมด

ดังนั้นวิตามินซีเก็บเอาไว้ในที่เย็นเก็บเอาไว้ในบ้านก็จะได้ผลที่ดีกว่าจะได้ประโยชน์ที่ดีดีกว่าเราเอาไปเก็บในรถเราขยันกินทุกวันก็เหมือนกินแป้งไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยและนี่คือสิ่งที่คุณนั้นควรจะต้อรับรู้เอาไว้ก่อนที่ท่านนั้นจะรับประทานวิตามินซี

เนื่องจากนี้หาดคุณรับประทานวิตามินซีโดยที่ทำการศึกษาก่อนวิตามินซีที่คุณรับประทานเข้าไปนั้นมันก็อาจจะไม่ได้ผลอะไรและไม่เกิดประสิทธิภาพของต่างร่างกายของคุณเพราะฉะนั้นแล้วควรอ่านและศึกษาหาข้อมูลก่อนให้เรียบร้อยก่อนที่คุณนั้นจะรับประทานวิตามินซีจะได้ไม่เสียของที่คุณซื้อมา

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  ufabet ฝาก-ถอน เอง

ออกกำลังกายเวลาไหนดีที่สุด

วันนี้เราจะมาพูดถึงการฝึกคาร์ดิโอยังไงให้เผาผลาญไขมันได้มากที่สุดจริงๆแล้วมันเป็นที่ถกเถียงกันมานานมากแล้วว่าจริงๆแล้ว  ออกกำลังกายเวลาไหนดีที่สุด  การฝึกคาร์ดิโอจะต้องฝึกเวลาไหนกันแน่จะต้องฝึกหลังเวทต้องตอนเช้าท้องว่างหรือกินอาหารก่อนแต่ละคนเขาก็จะมีหลักฐานแล้วจะมีเรื่องของงานวิจัยเข้ามาถกเถียงกัน

ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อด้วยว่าถ้าเกิดว่าคาร์ดิโอตอนท้องว่างมันจะเสียกล้ามแล้วถ้าเกิดคาร์ดิโอตอนกินอาหารเสร็จไปแล้วก็ช่วยรักษากล้ามเนื้อได้ดีอะไรอย่างนี้แต่ปัจจุบันวิทยาศาสตร์มันเปลี่ยนไปแล้วก็เดี๋ยวเรามาอัพเดตกันว่าเราฝึกคาร์ดิโอเวลาไหนถึงจะเหมาะสมที่สุดเราได้เรียงลำดับเอาไว้หลายหัวข้อด้วยกัน

ออกกำลังกายเวลาไหนดีที่สุด โดยการฝึกคาร์ดิโอเพื่อเผาผลาญไขมันส่วนเกินที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์โลกของเราใบนี้คือ การคาร์ดิโอในช่วงที่ท้องว่าง ในตอนเช้าหลังจากที่เราตื่นนอนมากแต่ทำไมล่ะ จริงๆแล้วหลายคนรู้กันหมดแล้วโดยเฉพาะนักเพาะกายที่เตรียมตัวจะไปประกวด

ถ้าเป็นสายประกวดเขาจะรู้เลยว่าหากเป็นช่วงที่ต้องเตรียมตัวไปขึ้นแข่งเขาก็จะตื่นมาไม่รู้จะทำอะไรดื่นกาแฟดำแล้วก็ขึ้นลู่วิ่งเดินชันปั่นจักรยานอะไรว่ากันไปแล้วแต่ละคนจะเล่นแล้วเขาจะเจอว่าเขาจะแห้งลงเรื่อยๆลีนลงเรื่อยๆมันก็เป็นสิ่งที่เราพูดต่อๆกันมาไปคาร์ดิโอตอนเช้าสิช่วงท้องว่างๆมันจะดีกว่า

ซึ่งอันนี้ก็คือเองจริง จริงๆมันเคยโดนตราหน้าว่าแบบเป็นวิธีการแย่ๆ

ของพวกสายประกวดที่แบบเมือนให้มาคาร์ดิโอตอนท้องว่างๆตจอนไม่มีอาหารมันทำให้เสียกล้าเนื้อมันไม่ดีจริงๆมันมีงานวิจัยออกมาแล้วเกี่ยวกับเรื่องของการฝึกคาร์ดิโออันนี้เราย่อมาเป็นยวิทยาศาสตร์ลึกมาให้ดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเรา

เวลาที่เราคาร์ดิโอตอนท้องว่างมันจะมีฮอร์โมนตัวนึงขึ้นสูงมากในช่วงตอนเช้านั่นก็คือโกรทฮอร์โมนนั่นเอง โดยโกรทฮอร์โมนมันไม่ได้แค่หลั่งในช่วงที่เราหลับเท่านั้นแต่ว่าหลังจากที่เราตื่นมาแล้วระดับของโกรทฮอร์โมนยังคงสูงอยู่สำหรับคนที่ทำสายIFอยู่จะรู้เรื่องนี้ดีอยู่ยิ่งคุณอดนานเท่าไหร่ร่างกายยิ่งหลั่งโกรทฮอร์โมนมากขึ้นเท่านั้น

ในงานวิจัยเขาได้ยืนยันเอาไว้แล้วว่าการทำIFในเวลา24ชั่วโมง

จะเพิ่มโกรทฮอร์โมน2,000%ในผู้ชายและ1,300%ในผู้หญิงแต่ทีนี่ในประเด็นก็คืออย่างนี้มันไม่ใช่แค่โกรทฮอร์โมนที่มันเพิ่มออกมาหลายคนก็อาจจะสงสัยว่าโกรทฮอร์โมนมันเกี่ยวอะไรกับการเผาผลาญไขมัน

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  ฝาก-ถอน ออ โต้ จีคลับ

ทำความรู้จักกับภาวะซึมเศร้า

ผู้ที่ตกอยู่ในภาวการณ์ไม่มีชีวิตชีวาเป็นภาวการณ์ที่หมดอารมณ์ สูญเสียความพอใจสำหรับที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ทำความรู้จักกับภาวะซึมเศร้า หรือที่ทำเป็นประจำ รู้สึกไม่มีค่า ขาดพลังงาน แล้วก็ขาดสมาธิ ซึ่งอาการกลุ่มนี้ต้องเป็นต่อเนื่องกันอย่างต่ำ 2 อาทิตย์ขึ้นไป

ทุกคนบางทีอาจรู้สึกเสียใจและก็ผิดหวังได้ แต่ว่าอารมณ์กลุ่มนี้สามารถหายไปได้ ภาวการณ์หม่นหมองจะมีผลให้รู้สึกเสียใจเป็นเวลายาวนานขึ้น ภาวะซึมเศร้าสามารถหายได้ แต่ว่าจำเป็นต้องใช้ช่วงเวลาเป็นเดือนถึงปี รวมถึงยังมีโอกาสกลับกลายมาเป็นซ้ำได้ในอนาคต แล้วก็การดูแลและรักษาภาวะซึมเศร้าควรจะรักษาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้

 

ลักษณะของภาวะซึมเศร้า

อาการที่เจอจะพบได้หลายรูปแบบในแต่ละคน โดยอาการที่พบมากมีดังนี้ 

– หมดอารมณ์

– สูญเสียความพอใจสำหรับการทำกิจวัตรที่ทำเป็นประจำทุกวัน

– รู้สึกไม่พอใจ

– รู้สึกหดหู่

– นอนไม่หลับ

– ไม่มีสมาธิ

– ไม่มีเรี่ยวแรง

– ไม่อยากอาหาร

– สูญเสียความภาคภูมิในตนเอง

– รู้สึกเจ็บปวดง่าย เช่น ปวดศรีษะ เจ็บท้อง 

– รู้สึกว่าตนเองต้องการฆ่าตัวตาย 

โดยอาการพวกนี้จะเป็นต่อเนื่องกันอย่างต่ำ 2 อาทิตย์ขึ้นไป

 

ภาวะแทรกซ้อน เมื่อมีภาวะซึมเศร้า

ภาวะซึมเศร้าที่ร้ายแรงนั้นจะมีผลให้ผู้เจ็บป่วยมีความคิดต้องการทำให้ตนเองเจ็บปวด แล้วก็ต้องการฆ่าตัวตาย

 

ที่มาของภาวการณ์ซึมเศร้า

ไม่มีมูลเหตุที่เฉพาะ แม้กระนั้นมักมีต้นเหตุที่เกิดจากสถานการณ์หลาย ๆ อย่างรวมกัน เรื่องราวในชีวิตที่บางทีอาจเป็นตัวกระตุ้นได้ ยกตัวอย่าง คือ ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในครอบครัว บิดามารดาแยกทางกัน แนวทางการโดนทำร้าย ถูกทอดทิ้งตั้งแต่เด็ก และก็ปัญหาโรคเรื้อรัง ฯลฯ

 

การวิเคราะห์ภาวะซึมเศร้า

หมอจะซักความเป็นมาให้ละเอียด เนื่องมาจากเด็กบางทีอาจให้ข้อมูลได้ไม่ครบ ผู้ดูแล หรืออาจารย์ที่สถานศึกษาก็เลยเป็นคนสำคัญที่จะให้ข้อมูลกับหมอได้ ขอบอกก่อนว่าไม่มีการทดลองทางห้องทดลองใด ๆ ก็ตามที่ช่วยวิเคราะห์ภาวะซึมเศร้าได้

 

การดูแลรักษาสภาวะเศร้าหมอง

– การดูแลตัวเอง  ถ้าเกิดมีสภาวะกลัดกลุ้มน้อย บางทีอาจใช้การบริหารร่างกาย เพื่อบรรเทาอาการได้

– Cognitive behavioral therapy(CBT) การบำบัดด้วยการรับทราบรวมทั้งการกระทำ สามารถช่วยทำให้เปลี่ยนแปลงการกระทำ รวมทั้งความนึกคิด ความรู้สึกในด้านลบได้

– การใช้ยา หมอจะพินิจให้ยาต้านทานภาวะซึมเศร้าในกรณีที่เป็นอย่างรุนแรง หรืออาการเกิดขึ้นอีก โดยจำต้องรับประทานยาสม่ำเสมอแม้ว่าจะอาการดียิ่งขึ้นแล้วเป็นระยะเวลาราว ๆ 6-9 เดือน

– การดูแลรักษาในสถานพยาบาล ใช้กับผู้ที่มีความคิดต้องการทำให้ตัวเองเจ็บปวด หรือฆ่าตัวตาย

 

สนับสนุนโดย.  ufabet เว็บแม่