อาหารต้องห้ามที่ทำให้เส้นเลือดในสมองตีบ

ในปัจจุบันพบว่าคนที่เป็นเส้นเลือดในสมองตีบเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนใหญ่จะพบในคนที่สูงอายุแต่ในคนอายุน้อยก็จะสามารถพบได้เช่นกันแล้วก็ส่วนมากจะพบเจอในกลุ่มคน อาหารต้องห้าม ที่มีความดันสูงแล้วก็คอเลสเตอรอลในเลือดสูงหลายคนไม่ใส่ใจไม่ค่อยให้ความสำคัญทำให้ความดันในเลือดสูงแล้วก็คอเลสเตอรอลในเลือดสูงเป็นเวลานานๆก็จะส่งผลทำให้เกิดการตีบแตกตันได้ในเส้นเลือดในสมองของเรา

ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำอาหารต้องห้ามที่จะทำให้เส้นเลือดในสมองตีบเดี๋ยวเรามาดูกันว่าอาหารเหล่านี้มันมีอะไรกันบ้าง

ข้อที่หนึ่ง เนื้อสัตว์ติดมัน ไม่ว่าจะเป็นพวกขาหมูคากิ หมูกรอบ หนังไก่อะไรแบบนี้ พวกเนื้อสัตว์ติดมันเหล่านี้จะมีส่วนประกอบของคอเลสเตอรอลที่สูงมีไขมันอิ่มตัวที่สูงการที่เรารับประทานเป็นเวลานานๆปริมาณมากติดต่อกันเป็นเวลานานๆก็จะส่งผลทำให้มันไปสะสมอยู่ที่เส้นเลือดของเรา

ทำให้เส้นเลือดของเราตีบแตกตันขึ้นมาได้ในสมอง ดังนั้นแนะนำเลยว่าให้หลีกเลี่ยงพวกเนื้อสัตว์ติดมันให้ลดปริมาณลงแล้วก็มาเลือกรับประทานเนื้อสัตว์ที่ไขมันต่ำเช่นเนื้อปลา

โดยในแต่ละอาทิตย์แนะนำว่าให้ทานปลาอย่างน้อย23มื้อขึ้นไปก็จะส่งผลทำให้คอเลสเตอรอลในเลือดของคุณลดลงได้นั่นเอง

ข้อที่สอง เนื้อสัตว์แปรรูป ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสวรรค์เ เนื้อแตกแห้ง ไส้กรอก แหนม แฮม ต่างๆ อาหารเหล่านี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้เส้นเลือดในสมองแตกเพราะว่าอาหารเหล่านี้จะต้องผ่านกระบวนการในการแปรรูปซึ่งในกระบวนการเติมเกลือเข้าไปเยอะมากๆ

ดังนั้นอาหารเหล่านี้ก็จะมีส่วนประกอบของเกลือที่สูงการที่เราบริโภคเกลือโซเดียมเข้าไปในร่างกายของเราปริมาณมากๆจะส่งผลทำให้ความดันโลหิตของเราสูงขึ้นเรื่อยๆเมื่อความดันโลหิตของเราสูงก็จะส่งผลทำให้เส้นเลือดในสมองตีบได้นั่นเองแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้ลงบ้างก็จะเป็นการป้องกันไม่ใหเส้นเลือดในสมองตีบ

ข้อที่สาม ขนมเบเกอรี่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเค้ก คุกกี้ บาวร์นี่พวกขนมปังต่างๆ ที่มีส่วนประกอบของเนยเทียมแล้วก็มากาลีนแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงเพราะว่าพวกเนยเทียมหรือว่ามากาลีนเป็นปัจจัยหนึ่งเลยที่จะทำเกิดเส้นเลือดในสมองตีบได้

เพราะว่าในเนยเทียมแล้วก็มากาลีนจะมีไขมันตัวหนึ่งที่ชื่อว่าไขมันทรานส์ ซึ่งไขมันทรานส์เป็นไขมันชนิดใหม่ที่นำมาสังเคราะห์เพื่อทำให้เก็บนานขึ้นไม่เหม็นมีรสชาติอร่อยมากขึ้นแต่ข้อเสียของมัน มันเป็นไขมันตัวเลวเลยจะไปเพิ่มLDLในเส้นเลือดของเรายิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆส่งผลทำให้เส้นเลือดในสมองตีบได้นั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.    ufabet ทางเข้าเล่น

น้ำหนักเท่าไหร่ถึงดีต่อสุขภาพ

หลายคนสงสัยว่ามีน้ำหนักเท่าไหร่ถึงจะดีต่อสุขภาพหรือว่าอ้วนเกินไปผอมเกินไปหรือเปล่าดังนั้นวันนี้เราจะมาคุยกันว่าแต่ละคนมีน้ำหนักเท่าไหร่กันถึงจะดีต่อสุขภาพของคุณ ก่อนอื่นก็ต้องบอกเลยว่าโรคอ้วนเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆตามมาได้ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวานโรคความดัน และรวมไปถึงโรคไตวายเรื้อรังก็ได้ 

นอกจากนี้ถ้าเรามีน้ำหนักตัวที่เยอะมากๆก็จะทำให้หัวเข่าของเราเสื่อมก่อนวัยอันควรก็จะทำให้เราปวดเข่ามีเสียงก๊อบแก๊บที่เขาทำงานอะไรก็ไม่สะดวกสบายดังนั้นการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในระดับดีก็จะส่งผลทำให้มีสุขภาพที่ดีและไม่มีโรคต่างๆตามมา ดังนั้นแต่ละสิ่งสำคัญมากๆเดี๋ยวเรามาดูกันว่า มีน้ำหนักเท่าไหร่ถึงจะดีต่อสุขภาพ 

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับค่า BMI กันก่อน หรือ Body Bag Index หรือในภาษาไทยเรียกว่าค่าดัชนีมวลกาย รายการละครควรจะมีค่าดัชนีมวลกาย อยู่ที่ประมาณ 18.5 ถึง 22.9 จึงจะถือว่าเป็นระดับที่ปกติมีน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพและไม่มีภาวะอ้วน

หลายคนก็ถามเข้ามาว่าการคำนวณค่า BMI และดัชนีมวลกายมันคำนวณยังไงก็ไม่ยากเลยก็ให้เอาน้ำหนักตัวของเราหน่วยเป็นกิโลกรัม หารด้วยส่วนสูงยกกำลัง 2 ในหน่วยเป็นเมตรหลายคนฟังแล้วก็เริ่มงง ก็เราจะยกตัวอย่างให้ดู 1 ตัวอย่างมี คนน้ำหนัก 60 กิโลกรัม มีส่วนสูง 170 เซนติเมตร ก็ให้เอาน้ำหนักตัว 60 กิโลกรัมและหารด้วยส่วนสูง 170 เซนติเมตร เอามาปรับให้เป็นเมตรก่อน ก็จะกลายเป็น 1.7 เมตร 

ดังนั้นพอเสร็จแล้วก็ให้นำเอามาหารเอา 60 ตั้ง หารด้วย 1.7 ^ 2 เราก็จะได้ค่า BMI ออกมานั่นแหละจากนั้นเราก็เอามาเทียบดูว่าเราอยู่ในค่าระดับนั้นหรือเปล่า 18.5 หรือ 22.9 หรือเปล่าก็จะถือว่าเป็นน้ำหนักที่ปกติ 

แต่หลายคนก็บอกว่าปวดหัวมากเลยขี้เกียจคำนวณเลขมันมีอะไรที่จะคำนวณได้ง่ายๆหรือเปล่าเราก็ต้องบอกเลยว่ามันมีเดี๋ยวเราจะสอนให้วิธีคำนวณน้ำหนักเป้าหมายของเราง่ายๆก็คือต้องแบ่งเป็น 2 เพศก่อนก็คือเพศชายกับเพศหญิง ส่วนเพศชายเอาส่วนสูงลบด้วย 100 ส่วนเพศหญิงก็ให้เอาส่วนสูงลบด้วย 105 ก็จะได้น้ำหนักที่เป็นเป้าหมายของเราออกมา

อย่างเช่นสมมุติว่าคุณสูง 170 เซนติเมตร และก็เอามาลบ 100 น้ำหนักที่ควรจะเป็น ก็คือไม่ควรเกิน 76 กิโลกรัม หรือถ้าเป็นผู้หญิงส่วนสูง 160 เซนติเมตร ก็เอา 160 มา -105 ก็จะได้น้ำหนักที่เป็นเป้าหมายออกมาก็คือ 55 กิโลกรัมอันนี้ก็เป็นวิธีคำนวณง่ายๆผู้ชาย -100 ส่วนผู้หญิงก็เอาส่วนสูง – 105 ก็จะได้เป็นน้ำหนักที่เป็นเป้าหมายของเรา

 

สนับสนุนโดย.  ufabet ทางเข้าเล่น

3 วิธีตื่นนอนแล้วไม่ง่วง แถมร่างกายรู้สึกสดชื่น

เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า ในช่วงเช้าเวลาที่เราตื่นนอนมา ทำไมเรายังรู้สึกง่วง สมองไม่ปลอดโปร่ง ร่างกายไม่ค่อยสดใส ทั้งที่ความเป็นจริงในตอนกลางคืนเราก็เข้านอนเร็ว แถมยังหลับสนิทตลอดทั้งคืนอีกด้วย ต้องขอบอกก่อนเลยว่าการนนอถือเป็นสิ่งสำคัญต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก หากร่างกายขาดการนอนพักผ่อนไปนอกจากจะส่งผลเสียต่อเรื่องของสุขภาพร่างกายแล้ว

ยังส่งผลให้ระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพอีกด้วย แต่หากถามว่าทำไม่เรายังรู้สึกง่วงทั้งที่พึ่งตื่น ซึ่งอาการนี้ก็อาจเกิดขึ้นได้หลายปัจจัย อาจจะเป็นเพราะถึงเวลาที่เราต้องตื่นแล้ว แต่คุณยังงอแงอยู่บนเตียง กว่าจะบังคับตัวเองให้ลุกไปอาบน้ำได้ช่างยากแสนเย็นยิ่งนัก

หรืออาจจะเป็นเพราะคุณทำงานหนักเกินไปจนส่งผลให้ร่างกายเกิดการสะสมความอ่อนเพลียไว้ก็ได้ ซึ่งการการที่เราง่วงก็อาจเกิดขึ้นได้ในหลายรูปแบบ อย่างไรก็ตาม สำหรับบางคนแล้วหากไม่มีอาการนี้แล้วอาจจะดีต่อร่างกายก็ได้ หรืออาจจะใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นก็ได้

ดังนั้น ปัญหาการตื่นนอนแล้วยังรู้สึกง่วงจะหมดไป เพราะวันนี้เรามีวิธีการแก้ง่วง แถมร่างกายรู้สึกสดชื่นมาฝากสำหรับคนที่มีปัญหาการง่วง เพียงแค่หม่นทำเป็นประจำก็สามารถช่วยใหคุณตื่นนอนมารู้สึกสดชื่นมากขึ้น แถมพร้อมรับวันใหม่ได้สดใสอีกด้วย จะมีวิธีไหนบ้างไปดูกันเลย 

การดื่มน้ำทันทีหลังตื่นนอน หลังตื่นนอนเราควรเลือกดื่มน้ำทันทีเป็นอันดับแรก เพราะน้ำจะช่วยให้ร่างกาย และสมองของเรารู้สึกปลอดโปร่ง สดชื่น และกระบวนการทำงานในร่างกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะเนื่องจากว่าร่างกายของคุณนั้นได้รับการพักผ่อนมา 7-8 ชั่วโมงแล้ว

ดังนั้น ช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะต้องได้รับน้ำเพื่อช่วยในการซ่อมแซมร่างกยหลังจากตื่นนอน ถึงแม้คุณจะเลือกดื่มน้ำในช่วงกลางวันเพื่อทดแทนน้ำที่เสียไปก็ตาม แต่หากดื่มทันทีหลังตื่นนออาจดีที่สุด เพราะจะช่วยให้คุณไม่รู้สึกง่วง แถมสมองปลอดโปร่ง ร่างกายสดชื่นตลอดทั้งวันอีกด้วย 

ตื่นมารับแสงแดดตอนเช้า แดดในช่วงเวลาเช้า ถือเป็นแดดที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอบ่างมาก เพราะแดดยางเช้าจะมีวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวพรรณของเราได้ นอกจากนี้ การออกมารับแดดยามเช้า ยังช่วยให้ร่างกายของเรารู้สึกปลอดโปร่งมากขึ้น ทั้งยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นฮอร์โมนในร่างกายให้รู้สึกสดชื่นได้อีกด้วย ดังนั้น อย่ามัวแต่งอแงอยู่บนที่นอน หากอยากรู้สึกสดชื่น ไม่อยากง่วงตลอดทั้งวัน ควรรีบตื่นเช้ามารับแดดเพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี 

เติมพลังงด้วยอาหารเช้า ขึ้นชื่อว่าอาหารเช้า ก็ถือเป็นมื้อที่สำคัญต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะมื้อเช้าจะเป็นมื้อที่สามารถช่วยเติมพลังงานให้แก่ร่างกายได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะคนที่ต้องออกไปทำงานที่หนัก หรือคนที่ต้องใช้แรงเยอะ ๆ อาหารเช้ายิ่งต้องไม่ขาด และสิ่งสำคัญของการรับประทานอาหารเช้า หากใครที่อยากรู้สึกสดชื่น ควรเลือกสารอาหารชนิดที่มีน้ำตาลจะดีมาก เพราะจช่วยให้ร่างกายของคุณสดชื่อน และรู้สึกอารมณ์ดีมากขึ้น

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.    gclub royal1688 ฟรีเครดิต