อาหารต้องห้ามทานแล้วจะนอนไม่หลับ

สำหรับเคล็ดลับนี้ก็มีหลายคนเข้ามาถามกันเยอะมากว่ามันมีอาหารอะไรบ้างที่ทานแล้วทำให้นอนไม่หลับวันนี้เราก็จะมาพูดถึงอาหารต้องห้ามทานไปแล้วอาจจะทำให้ตาสว่างไปทั้งคืนเลยก็ได้

อาหารชนิดที่หนึ่ง ชาและกาแฟ สำหรับใครที่ดื่มชาและกาแฟอาจจะทำให้คุณนอนไม่หลับได้เพราะว่าชากาแฟก็จะมีส่วนประกอบของคาเฟอีนอยู่ในนั่นคาเฟอีนจะมีฤทธิ์ในการกระตุ้นประสาทของเราทำให้เราตื่นตัวทำให้เรานอนไม่หลับแล้วบางครั้งก็ยังไปกระตุ้นทำให้หัวใจเต้นเร็วมากขึ้นบางคนมีอาการใจสั่นเลยทีเดียว

แนะนำว่าใครที่มีนอนไม่หลับและตอนนี้ยังดื่มชาและกาแฟอยู่ให้คุณลองหลีกเลี่ยงชาและลกาแฟดูเลยว่ารับรองเลยคุณจะนอนหลับได้สบายมากขึ้น

อาหารชนิดที่สองก็คือ อาหารเผ็ดสจัด อาหารเผ็ดดจัดต่างๆไม่ว่าจะเป็นผัดเผ็ดต่างๆผัดพริกต่างๆแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงเพราะว่าถ้าเรารับประทานเข้าไปแล้วก็จะทให้เรามีอาการแสบร้อนท้องได้แล้วยังไปกระตุ้นทำให้เกิดกรดไหลย้อนขึ้นมาได้ก็จะทำให้มีอาการจุกคอจุกท้องแสบร้อนกลางอกหรือว่ามีกลิ่นเปรี้ยวหรือว่ามีอาการท้องอืดได้

แนะนำเลยว่าให้คุณหลีกเลี่ยงพวกอาหารจำพวกที่มีรสพริกยิ่งมื้อเย็นด้วยเวลาก่อนที่เราจะนอนแล้วแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงเลยเพื่อจะทำให้เรานอนหลับได้สบายขึ้นไม่อย่างนั้นแสบร้อนตลอดเวลานอนไม่หลับแน่นอนยันตอนเช้าเลย

อาหารชนิดที่สามก็คือ ของมัน ของทอด ต่างๆ แนะนำเลยว่าตอนเย็นให้หลีกเลี่ยงพวกของอาหารมันอาหารที่จำพวกทอดต่างๆไม่ว่าจะเป็นหมูทอกไก่ทอดเพราะว่าอาหารจำพวกทอดจะย่อยยากพอย่อยยากแล้วอาจจะทำให้เกิดอาการท้องอืดได้และต้องบอกเลยว่าอาหารที่มีไขมันสูงมากจะไปกระตุ้นหูรูดบริเวณส่วนปลายของหลอดอาหารเราที่อยู่ด้านล่างทำให้มันอ่อนตัวลง

เมื่อมันอ่อนตัวมากขึ้นตัวกรดที่อยู่ในกระเพาะของเรามันจะไหลย้อนกลับมาได้ทำให้แสบร้อนกลางอกมีอาการกดไหลย้อนได้ดังนั้นแนะนำว่าตอนเย็นๆให้หลีกเลี่ยงอาหารพวกมันๆต่างๆของมันของทอดก็จะทำให้คุณนอนหลับได้สบายมากขึ้น

อาหารชนิดที่สี่ก็คือ แอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็นเหล้าสีเหล้าขาวเบียร์หรือว่าไวน์ต่างๆแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงเพราะว่าแอลกอฮอล์ในช่วงแรกที่เวลาเราดื่มไปเราอาจจะมีอาการง่วงแต่พอเวลาผ่านไปสักพักนึงก็จะทำให้เราตื่นขึ้นแล้วก็จะมีอาการปวดศีรษะทำให้เรานอนไม่หลับ

 

สนับสนุนโดย.    เว็บพนัน ufabet

การทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ดีอย่างไร

เรื่องราวหรือข้อดีของการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

ทานอาหารให้ครบ5หมู่ เราก็มักจะเรียนกันมาตั้งแต่เด็กๆกันแล้ว แต่ที่ยังต้องมาพูดหรือมีการดูแลสุขภาพกันอยู่ทุกวันนี้นั้น เพราะเกิดจากสาเหตุหลายประการด้วยกัน นั้นก็ได้แก่

  • เชื้อโรคมีเยอะมากขึ้น
  • พักผ่อนกันน้อยลงหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • อาการเครียดต่างๆ
  • การทานอาหารที่ขยะหรืออาหารที่ไม่มีประโยชน์
  • ไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย

สาเหตุต่างๆที่กล่าวข้างต้นนี้

เป็นสาเหตุที่ทำให้ทุกคนมาช่วยกันพูดเรื่องให้หันมารักสุขภาพกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย หรือการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพราะมันเป็นสิ่งที่ร่างกายต้องการ 

ยิ่งมีการพัฒนาสังคมขึ้นมามากเท่าไหร่ คนส่วนใหญ่ก็รักตัวเองน้อยลง ไม่ค่อยให้ความสนใจกับร่างกายของตนเองกันเลย เพราะอาจจะเกิดจากสาเหตุหลักๆด้วยกัน นั้นก็คือการด้นรน หารายได้เพื่อความอยู่รอดของตนเองและครอบครัว จึงทำให้หลายๆคนไม่มีเวลาสนใจอะไรกับตนเองมากนัก และทุกวันนี้ข้าววของ หรืออาหารก็แพงกันขึ้นทุกวัน ทำให้การหาของมาบำรุงยิ่งยากขึ้นไปใหญ่ เรียกว่ามีเงินอยู่ใช้ให้ถึงเดือนก้แทบจะแย่แล้ว ทำให้การหาอาหารมาทานให้ครบ 5 หมู่ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ตืทว่าการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ก็ย่อมดีที่สุดสำหรับร่างกายอย่างเราๆแล้วแหละ

ข้อดีของการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

  • ทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่ป่วยง่ายๆ
  • บำรุงประสาทและสมองได้เป็นอย่างดี
  • การทำงานของระบบภายในร่างกายทำงานปกติ 
  • ไม่เป็นโรคง่าย 
  • มีความจำที่ดี 
  • ไม่แก่ก่อนวัยอันควร

นอกจากจะช่วยให้ร่างกายของเราทำงานปกติแล้ว การทานอาหารให้ครบ 5 หมุ่ยังทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงและไม่ค่อยป่วยอีกด้วย เพราะระบบการทำงานที่ปกติดีจะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ดีมากขึ้น ดังนั้นการเป็นโรคต่างๆจึงเป็นได้ยากกว่าคนที่ไม่ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ 

เราสามารถสังเกตุได้จากคนเฒ่าคนแก่ที่มีอายุค่อนข้างยืนนาน

ผิดกับสมัยปัจจุบันที่มีการดูแลตนเองในทางผิดๆ กินอาหารที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ แถมยังไม่ครบ 5 หมู่อีกด้วย อาหารเหล่านี้นอกจากไม่มีประโยชน์กับร่างกายของเราแล้ว ยังให้ให้โทษแก่ร่างกายอีกด้วย 

อาหารบางอย่างเราทานไปก้ไม่มีประโยชน์แถมยังให้โทษแก่ร่างกายของเราอีกต่างหาก ซึ่งคนในสมัยนี้ก้ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ส่วนใหญ่เน้นการกินเพื่อความถูกอกถูกใจในรสชาติเสียมากกว่า ทำให้คนในยุคปัจจุบันป่วยเป็นโรคต่างๆมากมาย แถมโรคร้ายที่เจอก็กลายพันธุ์หนักขึ้นไปเรื่อยๆอีกด้วย เรียกว่านอกจากไม่บำรุงดูแลตนเองแล้ว ยังเลือกทานอาหารที่ทำร้ายแต่ตนเองกันอีก