มะเร็งตับอ่อนรู้ไว้ก่อนสาย

       มะเร็งตับอ่อน ในปัจจุบันเราได้พบหรือได้ยินข่าวเกี่ยวกับผู้คนมากมายที่มีอาการป่วยหรือเป็นโรคต่างๆ หนึ่งในโรคที่เชื่อว่าหลายๆคนก็คงเคยได้ยินชื่อมาเหมือนกันนั่นก็คือโรคมะเร็งตับอ่อน แน่นอนว่าเราเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวของโรคมะเร็งต่างๆ เคยได้ทราบถึงอาการที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งแต่ละรูปแบบ แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับสาเหตุหรือต้นตอของการก่อเกิดขึ้นเป็นมะเร็งตับอ่อนในร่างกายว่าอาการหรือโรคนี้สามารถที่จะเกิดขึ้นได้อย่างไร

       หลายๆคนคงอาจจะได้ยินหรือได้ดูข่าวเกี่ยวกับเรื่องผู้ป่วยมะเร็งตับอ่อนกันมาบ้าง โดยมีหลายรายที่ได้เสียชีวิตลงไปด้วยอาการจากโรคมะเร็งชนิดนี้ ซึ่งจากข้อมูลส่วนมากแล้วผู้ป่วยนั้นมักจะเสียชีวิตลงจากอาการในระยะลุกลามของมะเร็งตับอ่อนนี้ เป็นสาเหตุให้หลายๆคนเองเริ่มมีความกังวลและเกิดความสงสัยเกี่ยวกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของโรคมะเร็งตับอ่อนกันมากขึ้นด้วยนั่นเอง ก่อนอื่นเราคงต้องมาทำความรู้จักกับตับอ่อนกันก่อนว่าตับอ่อนของเรานั้นมีหน้าที่การทำงานอย่างไรในร่างกายของมนุษย์เรา

โดยที่ตับอ่อนนั้นจะอยู่ในบริเวณส่วนด้านบนของช่องท้องเรา ซึ่งอยู่บริเวณหลังกระเพาะและจะอยู่ติดกันกับลำไส้นั่นเอง และตับอ่อนนั้นจะมีหน้าที่สำคัญเป็นหลักคือการผลิตน้ำย่อยออกมาเพื่อใช้ในการย่อยสารอาหารจำพวกโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต นอกจากนี้แล้วตับอ่อนยังมีหน้าที่ในการสร้างหรือผลิตฮอร์โมนที่ชื่อว่าอินซูลินออกมาด้วย สำหรับฮอร์โมนอินซูลินที่ตับอ่อนผลิตออกมานั้นก็มีหน้าที่ด้วยเช่นกันคือฮอร์โมนชนิดนี้จะทำหน้าที่ในการไปลดระดับน้ำตาลที่อยู่ในกระแสเลือดของเรานั่นเอง

ในส่วนของมะเร็งตับอ่อนที่หลายคนรู้สึกเป็นกังวลกันอยู่นั้นจะเป็นก้อนมะเร็งที่มีการเกิดอยู่ในส่วนของเนื้อเยื่อในตับอ่อนอีกที ซึ่งตามที่เราได้กล่าวไปให้ทราบกันในข้างต้นว่าตับอ่อนนั้นมีหน้าที่ที่สำคัญมากๆในการที่จะต้องทำการผลิตน้ำย่อยและฮอร์โมนที่แน่นอนว่ามีความจำเป็นอย่างมากที่ร่างกายนั้นต้องการจะนำเอาฮอร์โมนอินซูลินและฮอร์โมนกลูคากอนนี้ไปใช้ประโยชน์ต่อกับระบบการทำงานอื่นๆในร่างกาย สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อนนั้นในระยะแรกในการตรวจอาจจะยังไม่ได้มีการพบ หรือสังเกตเห็นถึงอาการที่เป็นความผิดปกติของร่างกายหรืออวัยวะแต่อย่างใด

แต่ในระยะเวลาหนึ่งที่มะเร็งนั้นได้เกิดการลุกลามขึ้นร่างกายจะแสดงออกให้เห็นถึงอาการที่ผิดปกติไปได้อย่างชัดเจนโดยอาการที่พบเห็นหรือสังเกตได้นั้นส่วนมากแล้วผู้ป่วยจะมีอาการที่ปวดท้องรุนแรง พบว่าน้ำหนักตัวนั้นมีการลดลงไปอย่างผิดปกติ หรือในผู้ป่วยบางคนก็จะพบได้ว่ามีอาการดีซ่านร่วมด้วยนั่นเอง 

         สำหรับแนวทางในการป้องกันการเกิดมะเร็งตับอ่อนนั้นยังไม่ได้มีข้อมูลที่ระบุได้อย่างชัดเจนว่าจะสามารถป้องกันไม่ให้เกิดได้ แต่เราสามารถที่จะระมัดระวังไว้ก่อนได้ โดยหลักการในการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งตับอ่อนได้นั่นก็คือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่อย่างหนัก

และการดื่มสุราอย่างต่อเนื่องซึ่งสำหรับในเรื่องนี่ถ้าสามารถที่จะทำการงดและเลิกได้จะถือว่าดีมากๆเพราะไม่เพียงแต่เป็นต้นตอของการเกิดโรคมะเร็งตับอ่อนเพียงอย่างเดียวแต่ยังมีโรคอื่นๆอีกมากที่สามารถเกิดได้จากพฤติกรรมเหล่านี้ อย่างไรก็ตามการที่เรารู้จักที่จะตระหนักได้ก่อนที่จะสายไปนั่นเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เพราะหากเกิดขึ้นแล้วอาจจะต้องมาเสียใจทีหลังก็เป็นได้

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  Gclub ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ

สุขภาพ : กินอย่างไรให้ช่วยดูแลผิว

  กินอย่างไรให้ช่วยดูแลผิว การมีผิวพรรณที่ดีนั้นย่อมเป็นสิ่งที่ใครๆก็ปรารถนาด้วยกันทั้งนั้น หลายๆคนเลือกที่จะหาทางออกให้กับผิวด้วยการไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาและใช้วิธีที่รวดเร็วในการมีผิวที่ดี หรือบางคนก็อาจจะแค่ไปซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆที่จะช่วยแก้ปัญหาผิวของตัวเองได้อย่างตรงจุดที่สุด แต่รู้หรือไม่ว่าการจะมีผิวพรรณที่ดีและอยู่กับเราได้อย่างคงทนถาวรได้นั้นเราสามารถเริ่มต้นง่ายๆด้วยการกิน

อย่างที่เราเคยได้ยินกันมาอยู่เสมอกับประโยคที่บอกว่าเราจะต้องสวยจากภายในสู่ภายนอก กล่าวก็คือการให้ร่างกายภายในได้ฟื้นฟูจากภายในเพื่อส่งผลลัพธ์ออกมายังภายนอกผิวพรรณนั่นเอง

       การเลือกรับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์อยู่เสมอนั้นจะช่วยให้ร่างกายของเรานั้นมีสุขภาพที่ดี ยิ่งถ้าเลือกรับประทานอาหารให้ตรงกับความต้องการที่อยากจะฟื้นฟูซ่อมแซมในส่วนต่างๆของร่างกายแล้วด้วยนั้นจะยิ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นไปอีก อย่างการดูแลผิวพรรณเองก็เช่นกันเราควรเริ่มต้นดูแลใส่ใจรักษาสุขภาพผิวให้ดีได้ด้วยการเลือกกินสิ่งที่ดีมีคุณสมบัติในการช่วยฟื้นฟูดูแลผิวพรรณให้เปล่งปลั่งแข็งแรงมีสุขภาพที่ดีอยู่เสมอๆ และสำหรับอย่างแรกที่เราอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้เลือกรับประทานกันนั่นก็คืออาหารที่มีสารในการช่วยผิวป้องกันตัวเองจาดแสงแดดอย่างการกินมะเขือเทศ หรือฟักข้าวก็ได้

เพราะทั้งสองอย่างนี้ต่างอุดมไปด้วยคุณสมบัติทางสารอาหารเพราะมีสารไลโคปีน เบต้าแคโรทีน และกรดอะมิโน ซึ่งสารต่างในอาหารเหล่านี้อุดมไปด้วยสรรพคุณมากมายที่จะช่วยในการสร้างเกราะป้องกันผิวของเราจากแสงแดดไม่ให้มาทำร้ายให้ผิวไหม้ อีกทั้งยังทำให้ผิวมีความชุ่มชื่น รวมไปถึงยังช่วยชะลอที่จะไม่ให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรได้ดีอีกด้วย นอกจากนี้แล้วการเลือกรับประทานวิตามินดีๆจากผักและผลไม้ที่เป็นวิตามินดีที่ได้จากธรรมชาติเองก็ยังเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่ดีและมีประประโยชน์มากสำหรับการใส่ใจดูแลผิวที่เรารัก

ยิ่งถ้าเป็นผักหรือผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีนั้นยิ่งจะดีเป็นพิเศษ รวมไปถึงการดื่มน้ำสะอาดอยู่เป็นประจำเองก็เป็นสิ่งที่พึงกระทำอย่างสม่ำเสมอ ด้วยคุณสมบัติจากน้ำที่จะช่วยในการให้ความสดชื่น ชุ่มชื่นต่อผิวพรรณและร่างกายของเราแล้วน้ำยังจะเป็นตัวช่วยในการชำระล้างสิ่งตกค้างต่างในร่างกายได้ และนอกจากน้ำเปล่าแล้วก็ยังมีเครื่องดื่มอย่างอื่นด้วยที่เราสามารถดื่มได้อย่างนมเปรี้ยว หรือพวกโยเกิร์ตพร้อมดื่มเองก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คนรักผิวเลือกรับประทานกันอีกด้วย

หรือการเลือกดื่มน้ำพรุนสกัดก่อนช่วงเวลาเข้านอนนั้นก็จะเป็นตัวช่วยที่ดีเพราะมีสรรพคุณที่ขึ้นชื่อในการทำให้สามารถขับถ่ายได้เป็นอย่างดีในตอนเช้าซึ่งก็ถือเป็นการให้ร่างกายได้ขับเอาของเสียต่างๆที่อยู่ในร่างกายของเรานั้นออกไปให้หมดสิ้น และสุดท้ายแล้วเมื่อร่างกายเราไม่มีของเสียก็จะส่งผลทำให้ผิวพรรณทั้งใบหน้า ผิวกายของเรานั้นแลดูเปล่งปลั่งสดใสขึ้นมาได้นั่นเอง

       อย่างไรก็ตามนอกจากการเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่างๆดังที่เราแนะนำไปในข้างต้นแล้ว หากร่างกายได้รับการบริหารอยู่เสมอก็ยิ่งจะช่วยเสริมให้การรับประทานอาหารต่างๆเหล่านั้นยิ่งมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้นถ้าหากอยากจะมีสุขภาพผิวที่ดีดูเปล่งปลั่งและน่ามองอยู่เสมอแล้วนั้นก้ไม่ควรที่จะพลาดการออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  ทดลองเล่นบาคาร่าออนไลน์ฟรี

การดูแลสุขภาพให้แข็งแรง

 

 

การดูแลสุขภาพให้แข็งแรง อาหารคลีน 

การดูแลสุขภาพให้แข็งแรง หลายๆคนยังไม่เข้าใจว่าอาหารคลีนคืออะไร ส่วนใหญ่แล้วจะคิดว่าอาหารคลีนคือ อาหารที่มีแต่ผัก อาหารไม่มีรสชาติเลย ทำให้หลายคนๆคิดว่ามันไม่น่าทาน และนั้นก็เป็นความคิดที่ผิด

เพราะอาหารคลีน คือ อาหารที่ลดกระบวนการการปรุงแต่งในการผลิตให้น้อยที่สุดเท่านั้น ส่วนรสชาติยังสามารถคงความอร่อยไว้ได้ แต่อาจจะต้องลดปริมาณลงเพื่อไม่ให้รสจัดจนเกินไป อาหารคลีนมักจะคัดเลือกสารอาหารที่มีประโยชน์ที่ร่างกายต้องการ คือ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน สำหรับผู้ที่ต้องการทานอาหารคลีน ควรเลือกแหล่งอาหารจากคำแนะนำดังนี้

โปรตีน จาก ไข่ ไก่ ปลา งดโปรตีนที่ทำจากอาหารแปรรูป อย่างเช่น ไส้กรอก ลูกชิ้น แหนม และในการปรุงแต่งควรงดใช้วิธีการทอดด้วยน้ำที่มาก เปลี่ยนเป็นการต้ม นึ่ง หรือหากมีความจำเป็นต้องทอด ใช้กระทะเทฟลอนและใส่น้ำมันแต่น้อยพอดี

คาร์โบไฮเดรต ควรเลือกทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรเบอร์รี่ ขนมปังโฮลวีท น้ำตาลที่มีแคลอรี่ต่ำอย่าง น้ำตาลหญ้าหวาน หรือเลือกทานน้ำตาลจากการทานผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูงๆแทน เช่น แอปเปิ้ล เบอร์รี่ตระกูลต่างๆ

ไขมัน บางคนกลัวไขมันจนเกินไป แต่ไขมันเป็นที่สิ่งที่ร่างกายต้องการ เพียงแต่ต้องทานในปริมาณที่เหมาะสมไม่มากจนเกินไป แหล่งไขมันที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย คือ ไขมันที่มาจากปลาทะเลน้ำลึก หรือ ไขมันที่ใช้ปรุงแต่งอาหารอย่าง น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว แต่ถึงยังไงก็ควรบริโภคแต่น้อย

อีกหนึ่งสำคัญที่ผู้เลือกการทานอาหารคลีนต้องรู้คือ การงดของหวาน ขนมขบเคี้ยว ที่มีคาร์โบไฮเดรตและโซเดียมสูง

หากต้องการอาหารทานเล่นระหว่างวัน แนะนำให้ทานถั่ว เมล็ดพืช ที่ไม่โรยเกลือ หรือการทานผักผลไม้ ควรงดหลีกเลี่ยงการทานผลไม้อบแห้ง ผลไม้ดอง ควรทานผักและผลไม้สด หรือผ่านวิธีการปรุงแต่งให้น้อยที่สุด

ประโยชน์ของการทานอาหารคลีน ที่หลายๆคนอาจจะยังไม่ทราบ นั้นคือ ทำให้หุ่นฟิต มีรูปร่างที่ดีขึ้น เพราะอาหารคลีนคือ อาหารที่ช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดี ช่วยลดไขมันส่วนเกินในร่างกายตามแขนและขา

ยังช่วยเรื่องการลดริ้วรอยให้ดูชะลอวัย ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในเรื่องระบบการขับถ่าย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ที่ทำให้ผิวสวยใสขึ้น และการรับประทานอาหารคลีนนั้น ยังเป็นอาหารที่สามารถต้านมะเร็ง ที่ช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มกากใยอาหาร ที่สามารถทำให้ลดสารการเกิดมะเร็งต่างๆ โดยเฉพาะลดโอกาสเกิดโรคมะเร็งลำไส้

สุดท้ายนี้ การทานอาหารคลีนหรืออาหารที่ช่วยในการลดน้ำหนักที่ดี

ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเป็นอาหารที่มีราคาแพง เพียงให้คำนึงถึงความสด สะอาด และคุณค่าจากสารอาหารที่จะได้รับเข้าสู่ร่างกายในแต่ละวันโดยผ่านวิธีการปรุงแต่งอาหารให้น้อยที่สุด อาหารคลีนไม่มีสูตรเฉพาะ เราสามารถเลือกอาหารที่ชอบมาทานได้หมด และหากทำทานเองจะดีมาก เพราะสามารถกำหนดการปรุงได้เองอีกด้วย

มาทำความรู้จักโรคดื้อยากันเถอะ

คุณเคยรู้จักคำว่า การดื้อยา หรือไม่ลักษณะอาการคือ

โรคดื้อยา การที่เราทานยาชนิดเดิมบ่อยๆ เพื่อรักษาโรคที่เราเป็น คนไทยสมัยก่อนจะนิยมหาซื้อยาตามร้านยาทั่วไปมากินเอง โดยไม่ได้ไปโรงพยาบาลเพื่อปรึกษาแพทย์ เพราะสมัยก่อนการเดินทางยังไม่สะดวกสบายเหมือนกับปัจจุบัน และที่สำคัญผู้คนส่วนใหญ่ที่ซื้อยาทานเองก็จะเป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความจำเป็นในการไปพบแพทย์แทนที่จะซื้อยากินเอง ส่วนใหญ่มักคิดว่า เจ็บป่วยไม่มากซื้อยามากินก็หายแล้ว แต่หารู้ไม่ว่าร้านค้าที่ไปซื้อยามากินนั้น

ผู้ขายเองก็ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับยาที่ขายให้กับเราเลย

ยังจำได้ว่าสมัยเด็กๆ เวลาที่แม่กับพ่อไม่สบาย พวกท่านก็จะไปร้านค้าแถวบ้านซื้อยาที่ เรียกกันว่ายาชุดมากิน กินไปไม่กี่ครั้งอาการก็ดีขึ้นหรือหายป่วยเลย ดังนั้นเมื่อพ่อกับแม่ป่วย พวกท่านจึงไม่ค่อยยอมไปรักษาที่โรงพยาบาลเพราะท่านคิดว่าทานยาชุดก็หาย โดยที่พวกท่านไม่ได้รู้เลยว่าการซื้อยากินเอง จะอันตรายต่อร่างกายมากมาย และยังพบกับอาการ เชื้อดื้อยา 

เนื่องจากในยาชุดนั้น จะมีหลายเม็ดด้วยกันซึ่งแต่ละเม็ดยาคุณสมบัติการรักษาก็แตกต่างกันไป โดยในยาชุดอาจจะประกอบไปด้วย ยาลดไข้ ยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ ยาคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งอันที่จริงเราเพียงแค่มีอาการปวดเมื่อยจึงไปซื้อยามาทาน แต่เมื่อเป็นการซื้อยาชุด วิธีการคือต้องกินยาทุกเม็ดที่จัดเป็นชุดให้รับประทาน ทำให้เราทานยาบางตัวที่ร่างกายเราไม่ได้ต้องการเข้าไปด้วย เมื่อร่างกายได้รับยาเดิมซ้ำๆบ่อยๆทั้งที่ไม่ได้เกิดโรคนั้น จะทำให้ร่างกายเกิดความเคยชิน และเมื่อถึงเวลาที่เรามีอาการของโรคดังกล่าว เมื่อทานยาแบบเดียวกันเข้าไปจะทำให้ยาไม่มีผลต่อการรักษาแล้ว

เพราะเกิดอาการดื้อยาซะแล้ว ทำให้ต้องเสียเวลารักษานานขึ้นกว่าเดิม และอาจต้องเสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายในการรักษามากขึ้นกว่าเดิม และที่สำคัญอันตรายต่อชีวิตอีกด้วย ดังนั้นเมื่อมีอาการเจ็บป่วยไม่สบาย อย่าคิดว่าเป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ซื้อยามาทานก็หาย มันจะกลายเป็นว่าเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย ควรหลีกเลี่ยงการเป็นโรคดื้อยาด้วยการ 

  • ไม่หาซื้อยามากินเองพร่ำเพรื่อ
  • เมื่อได้รับยามากจากคุณหมอ ควรทานให้ครบตามเวลาที่คุณหมอสั่ง ไม่ใช่ว่าพออาการดีขึ้นก็หยุดยาเองโดยที่ยังไม่ครบกำหนด
  • ไม่ควรนำยาของคนอื่นมาทาน ถึงแม้ว่าจะมีอาการของโรคคล้ายกันกับเราก็ตาม ควรไปให้แพทย์ตรวจสอบอาการและจ่ายยาให้ เพราะอาการของโรคคล้ายกัน อาจไม่ใช้โรคชนิดเดียวกันก็ได้ 
  • โรคบางโรค เช่น ไข้หวัดก็ไม่จำเป็นต้องกินยาปฏิชีวนะเสมอไป เพียงแค่เราพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเยอะๆ อาการของไข้หวัดก็จะดีขึ้นเอง แต่ถ้ามีอาการของไข้หวัดเกิน 3 วันขึ้นไปควรไปโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจอาการ