วิธีรักษาตัวเองเมื่อติดเชื้อโควิด-19

เนื่องจากตอนนี้สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ในประเทศไทยถือว่าค่อนข้างที่จะหนักเอามากๆ วิธีรักษาตัวเอง หลายโรงพยาบาลเตียงก็เต็มหมดแล้วไม่สามารถที่จะรับผู้ป่วยเพิ่มได้ซึ่งหลายคนที่ติดเชื้อโควิค 19 ยังต้องรอเตียงอยู่

ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีปฏิบัติที่จะดูแลรักษาตัวเองอยู่ที่บ้านก่อนในระหว่างที่เรารอเตียงจากทางโรงพยาบาลเดี๋ยวเรามาดูกันเลยว่าในข้อปฏิบัตินี้จะมีอะไรกันบ้าง 

ข้อที่ 1 เลยก็คือ ให้แยกตัวออกจากผู้อื่น เมื่อเราทราบว่าคนนั้นติดเชื้อ covid19 แล้ว ให้คนแยกตัวออกมาจากคนอื่นเลย เพราะว่าเชื้อ covid19 จะสามารถแพร่เชื้อได้โดยการไอ การจาม การสัมผัส ดังนั้นแนะนำเลยว่าให้คนแยกตัวออกจากครอบครัวของคุณก่อนเลย

สำหรับใครที่อยู่บ้านแล้วมีห้องว่างอยู่หลายๆห้องแบบนี้ก็ให้เรากักตัวอยู่ในห้องส่วนตัวของเราเลยแต่สำหรับใครที่อยู่ในบ้านไม่ได้มีการแบ่งห้องหรือว่าอยู่คอนโดหรือว่าอยู่ในห้องเช่าที่อาศัยอยู่รวมกันแนะนำว่าให้เปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวก 

ดังนั้นก็ให้แบ่งโซนกันเลยว่าครอบครัวอยู่อีกตัวหนึ่งและตัวของคนเองก็อยู่อีกซอยนึงเพื่อเป็นการแบ่งแยกให้ชัดเจนและเป็นการป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อกระจายสู่ภายในครอบครัวของเรานั่นเอง 

ข้อที่ 2 ก็คือ ให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง เวลาที่คนออกจากห้อง เมื่อเราออกจากห้องมาพบปะคนภายในครอบครัว แนะนำว่าให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกมาจากห้องเพราะว่าอย่างที่ได้บอกไปแล้วว่า covid-19 สามารถแพร่เชื้อทางการไอการจามและการสัมผัสเนื้อต้องตัว 

เพราะฉะนั้นแล้วเราควรสวมหน้ากากอนามัยแล้วคนในครอบครัวของเราก็ควรที่จะสวมหน้ากากอนามัยด้วยเช่นกันในเวลานี้ให้หลีกเลี่ยงการใช้หน้ากากผ้าเพราะว่าการป้องกันน้อยกว่าหน้ากากชนิดอื่นๆแนะนำว่าเป็นหน้ากากอนามัยหรือว่า n95 ก็น่าจะดีกว่า

นอกจากนี้เราควรที่จะล้างมือบ่อยๆด้วยควรจะฟอกสบู่หรือใช้แอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปล้างมือทำความสะอาดมือก็จะสามารถป้องกันเชื้อและสัมผัสซึ่งกันและกันได้ 

ข้อที่ 3 ก็คือ ให้แยกใช้ของทุกอย่างออกจากคนอื่นภายในบ้าน เมื่อเราทราบว่าเรานั้นติดเชื้อ covid19 แล้วให้เราแยกของใช้ต่างๆของเราออกมาจากคนอื่นเลยอย่างแรกเลยก็คือแยกการรับประทานอาหาร แนะนำว่าให้เรารับประทานอาหารเพียงคนเดียวแยกไปเลยกินคนเดียวเดี่ยวๆไปเลยกินอยู่ในห้องส่วนตัวของเราก็ได้หรือว่าจะหาภาชนะเป็นส่วนตัวของเรามาเลยทั้งช้อนส้อมถ้วยและน้ำนำมาใช้เป็นของเราแยกมาต่างหากเลย

 

สนับสนุนโดย.    ทางเข้า ufabet ภาษาไทย

เคล็ดลับกินอย่างไรให้ห่างไกลโรค

ด้วยไลฟ์ไตล์ในตอนนี้ที่ผู้คนสั่งอาหารผ่านทางแอปพลิเคชั่นต่างๆแล้วก็หันมาทำกับข้าวเองมากขึ้น เคล็ดลับกินอย่างไรให้ห่างไกลโรค การให้ความใส่ใจด้านสุขลักษณะความสะอาดของวัตถุดิบรวมทั้งเมนูอาหารต่างๆก็เลยเป็นสิ่งที่ไม่สมควรละเลย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีนานัปการสิ่งที่ทำให้เกิดการเกิดโรคต่างๆ

เป็นต้นว่ากลุ่มที่เป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ กลุ่มโดรคที่มีการติดต่อด้านต่างๆโดยเน้นจากยุงเป็นพาหะนำโรครมทั้งกลุ่มโรคต่างๆที่ทำการติดเชื้อระบบทางเดินอาหารถ้าหากพวกเรานั้นไม่ดูแลปกป้องตัวเองให้ดี

พวกเราขอเก็บเทคนิคสำหรับการกินอาหารโดยอย่างปลอดภัยที่ทำเป็นอย่างง่ายๆมาฝากเพื่อช่วยเสริมคุณประโยชน์ทางโภชนาการแล้วก็สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงของทุกคนในครอบครัว

โดยการกินอาหารปรุงสุกใหม่เสมอ เพื่อคุ้มครองป้องกันการเกิดความไม่ดีเหมือนเดิมของระบบทางเดินอาหารที่ชอบมากับหน้าฝนตัวอย่างเช่นท้องร่วงของกินเป็นพิษควรที่จะหลบหลีกการทานอาหารครึ่งดิบครึ่งสุกประกอบอาหารด้วยความร้อนเกิน 100 องศา สำหรับน้ำกินก็จำเป็นที่จะต้องผ่านการต้มสุกก่อนด้วยเพื่อป้องกันเชื้อโรคที่มากับความชุ่มชื้นในฤดูฝน

การทำความสะอาดรวมทั้งการรักษาวัตถุดิบให้สดใหม่อยู่เสมอก่อนที่จะทำกับข้าวควรที่จะล้างผักผลไม้รวมทั้งวัตถุดิบทุกหมวดหมู่ให้สะอาดสะอ้าน เก็บรักษาด้วยแนวทางที่สมควรเพื่อช่วยต่ออายุและก็รักษาคุณประโยชน์ทางโภชนาการไว้ได้นานเพิ่มขึ้น 

การเก็บเนื้อสัตว์และก็อาหารทะเลควรที่จะล้างชำระล้างและก็ดูดซึมให้แห้งก่อนที่จะนำเข้าตู้แช่เย็น โดยใส่เอาไว้ในกล่องที่มีฝาปิดมิดชิดหรือถุงที่เป็นซิปล็อกเพื่อที่จะให้คงที่ความสดใหม่ สำหรับผักสดควรที่จะบ่งประเภทของผักสียก่อนแล้วหลังจากนั้นห่อด้วยกระดาษหรือพลาสติกให้มิดชิดแล้วก็ควรที่จะเก็บผลไม้ในถุงที่เป็นแบบซิปล็อกหรือกล่องพลาสติกที่มีรูระบายอากาศเพื่อให้ผลไม้ไม่เปียกชื้น 

ไม่สมควรที่จะเก็บผักและก็ผลไม้เอาไว้ในถุงเดียวกันเพราะเหตุว่าผลไม้สุกจะทำการปลดปล่อยก๊าสออกมาทำให้ผักที่วางด้วยกันเนาเร็วขึ้น ควรที่จะล้างเครื่องใช้ไม้สอยเครื่องครัวของตนเองให้สะอาด เครื่องไม้เครื่องมือปรุงอาหารต่างๆที่ถูกเก็บเอาไว้ภายในลิ้นชักหรือที่ห้อยเอาไว้ควรที่จะล้างให้สะอาดก่อนใช้งานทุกครั้ง

เพื่อคุ้มครองปกป้องเชื้อราแล้วก็เชื้อโรคสำหรับเครื่องใช้ไม้สอยที่ใช้บนโต๊ะอาหาร ดังเช่นว่าช้อนส้อม ภายให้ชำระล้างควรที่จะใช้แนวทางผึ่งหรืออบให้แห้งไม่สมควรที่จะใช้ผ้าขัดถูเด็ดขาดเพื่อปกป้องการแปดเปื้อนของเชื้อโรคที่จะติอดมากับผ้าของเรา

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  ทางเข้า UFABET ภาษาไทย

เคล็ดลับการรักษาสิวที่หลัง

การมีสิวที่หลังนั้น เรียกได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่มาก ๆ สำหรับสาว ๆ หลายคน เพราะอาจทำให้ใครหลายคนเสียความมั่นใจในตัวเองไปไม่มากก็น้อย ซึ่งการมีสิวบนแผ่นพื้นหลัง เราจะเสียความมั่นใจตรงที่ไม่กล้าใส่เสื้อสายเดี่ยว หรือไม่กล้าใสเสื้อผ้าที่สามารถมองเห็นแผ่นหลังได้อย่างชัดเจน ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้สาว ๆ เกิดความเครียดจนต้องคิดหาวิธีในการรักษา

แต่ทว่า การจะรักษาสิวที่หลังให้หายได้นั้นก็เป็นเรื่องที่ยากเรื่องหนึ่งที่เราจำเป็นต้องใช้เวลา ซึ่งในสมัยปัจจุบันนี้ก็มีผลิตภัณฑ์มากมายเพื่อช่วยในเรื่องของการรักษาสิว แต่ใครจะไปรู้ละว่ามันจะใช้แล้วเห็นผลได้จริงหรือเปล่า แต่ก็นั่นแหละ สาว ๆ อย่าพึ่งกังวลใจไป

ยังมีวิธีการอีกมากมายที่สามารถทำให้คุณมีแผ่นหลังที่เรียบเนียนไร้สิวได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปพึงผลิตภัณฑ์แพง ดังนั้น วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับง่าย ๆ ในการรักษาสิวบนหลังให้หาย เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวคุณเอง จะมีวิธีไหนกันบ้างไปดูกันเลย

การสครับผิว นอกจากการทำความสะอาดเป็นประจำทุกวัน การที่เราสครับผิวก็สามารถช่วยให้สิวที่หลังของเรานั้นหายได้เร็วมากขึ้น เพียงแค่สครับด้วยเกลือสูตรอ่อนโยนเพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออกมา ทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ก็สามารถช่วยลดการเกิดสิวบนแผ่นหลังของเราได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้แล้ว ยังสามารถใช้สคับที่เป็นธรรมชาติได้ ไม่ว่าจะเป็น มะนาว มะขาม หรืออื่น ๆ ตามที่ต้องได้เลย เพราะนอกจากจะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกไปแล้ว ยังสามารถช่วยบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื้นได้อีกด้วย

การรักษาด้วยสูตรธรรมชาติ การรักษาสิวบนแผ่นหลังให้หายไปนั้น สามารถทำได้ด้วยวิธีธรรมชาติ เช่น การน้ำเกลือมาสครับ การใช้เปลือกส้ม หรือมะนาวมาทาบริเวณนั้น ๆ หากนำมาขัดตรงบริเวณที่เป็นสิวประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด นอกจากจะช่วยขจัดสิ่งสกปรก เชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ได้แล้ว ยังทำให้หลังของเราเรียบเนียนห่างไกลจากสิวอีกทั้งยังลดรอยดำรอยแดงที่เกิดจากสิวได้อีกด้วย

การเลือกใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดี เนื่องจากสภาพอากาศค่อนข้างที่จะร้อนหนัก ซึ่งสามารถส่งผลให้ร่างกายของเราเกิดการขับเหงื่อออกมาได้มาก จนส่งผลให้เชื้อโรคนั้นเกาะติดตามสภาพผิวของเราได้ง่าย ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิวขึ้นที่หลังได้ ดังนั้น หากไม่อยากเป็นสิวที่หลังก็ไม่ควรปล่อยให้เสื้อเกิดการอับชื้น หรือควรเลือกสวมใส่เสื้อที่สามารถระบายความร้อนได้ดี เพื่อป้องกันการเกิดสิวขึ้นที่หลังได้ 

 

สนับสนุนโดย    ทางเข้า UFABET ภาษาไทย

การลงเท้าสำหรับนักวิ่งหน้าใหม่

ต้องบอกว่าด้วยสรีระของแต่ละคนไม่เหมือนกันเพราะฉะนั้นคำว่าถูกกับผิดมันค่อนข้างที่จะแยกออกยากแต่ถ้าท่าไหนคุณวิ่งแล้วมันก่อให้เกิดการบาดเจ็บแสดงว่ามันผิดกับสรีระของคุณจริงๆแล้วเราจะต้องแยกออกก่อนว่าการลงเท้าของเรามีทั้งหมดสามแบบแต่ละแบบมันไม่ได้เหมาะกับทุกระยะมันจะแยกกันอยู่ไว้แล้ว

โดยใมนหนึ่งคนไม่ใช่วิ่งลงเท้าแบบเดียวเพราะว่าบางทีเราต้องใช้ความเร็วที่แตกต่างกันเมื่อมีความเร็วเข้ามาเกี่ยวข้องการสัมผัสพื้นมันก็จะต้องแตกต่างกันออกไปด้วย แบบที่หนึ่งคือการ กลิ้งเท้า คำว่ากลิ้งเท้ามันจะสัมผัสพื้นความรู้สึกจริงๆมันจะอยู่ที่อุ้งเท้าแต่ด้วยแรงที่เรากระแทกลงมาจากน้ำหนักตัวมาสู่พื้นมันจะทำให้ส้นเท้าและกลางเท้าไถไปด้วย

นอกจากนี้ความรู้สึกจะอยู่ที่ส้นจนถึงกลางเท้าส้นเท้าในที่นี้จะเป็นด้านข้างไม่ใช่ตรงๆซึ่งสังเกตง่ายๆว่าส้นรองเท้าด้านข้างเรามันจะสึกเพราะว่ามันถูกการเสียดสีหรือว่าไถไปมันจะสึกแต่ว่าอุ้งเท้าหรือปลายเท้าจะไม่ค่อยสึกเพราะว่าเราลงกระแทกพื้นเต็มๆการวิ่งแบบนี้มันจะช้าเพราะสัมผัสพื้นเยอะ

แบบที่สองจะเป็นแบบ อุ้งเท้า คำว่าอุ้งเท้าในที่นี้บางคนยังไม่รู้เลยว่าอยู่ตรงไหนเหนือกลางฝ่าเท้าขึ้นไปมันจะเป็นอุ้งใครไม่รู้ให้กระดกน้ำขึ้นมาจะรู้เลยว่าตรงกลางมันนูนๆขึ้นมาใต้นิ้วเรานั่นคืออุ้งเท้าจะโดนเฉพาะระหว่างตรงใต้นิ้วเค้าจะเรียกอุ้งส่วนนั้นคือส่วนที่จะต้องสัมผัสพื้นแล้วส้นจะไม่ดีดเลยมันจะติดอุ้งแล้วก็ปลายๆก็จะดีดส่งไปอีกหนึ่งเก้าต่อไปนี่คือการลงด้วยอุ้งเท้า

แต่คนที่วิ่งการลงด้วยอุ้งเท้านี้จะต้องค่อนข้างที่จะแข็งแรงไม่ว่าจะเป็นน่องไม่ว่าจะเป็นข้อเท้าเอ็นฝ่าเท้าพวกนี้จะต้องแข็งแรงถ้าเกิดว่าไม่ได้รับการฝึกฝนมาก็จะวิ่งได้ไม่นานเพราะฉะนั้นระยะนี้อาจจะเหมาะกับนักวิ่งระยะกลางพวก800 เมตร 1,500เมตร3,000เมตรบางคนที่เขาแข็งแรงก็อาจจะ5,000เมตรก็อาจจะใช้วิ่งได้เพราะว่าพวกนี้จะเกิดขึ้นกับความแข็งแรงที่นักกีฬาคนใดคนหนึ่งสะสมมา

ส่วนแบบที่สามจะเป็น แบบปลายเท้ามันจะเหลือเฉพาะนิ้วเท้าทั้ง5เท่านั้นที่จะต้องจิกลงอันนี้จะเหมาะสำหรับคนที่วิ่งเร็วอย่างพวกวิ่ง100เมตร200เมตรหรือว่าเต็มที่400เมตรอันนี้จะใช้ปลายเท้าจิกลงไปอย่างเดียวเลยเพราะระยะนี้มันต้องใช้ความเร็วสูงเพราะฉะนั้นการสัมผัสพื้นมันจะเหลือน้อย

 

สนับสนุนโดย  ทางเข้า ufabet ภาษาไทย

กาแฟแก้ไมเกรนได้หรือไม่

หลายคนคงรู้กันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า ในกาแฟนั้นจะมีส่วนผสมของคาเฟอีนเป็นหลัก หากเราดื่มเข้าไปเป็นประจำคาเฟอีนก็จะถูกดูดซึมเข้าไปสู่กระแสเลือดและส่วนต่างๆของร่างกาย และแน่นอนว่าเมื่อร่างกายของเราได้รับคาเฟอีนเข้าไปในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะเป็นผลดีต่อร่างกาย

เพราะจะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นระบบประสาทให้รู้สึกตื่นตัว มีสมาธิในการทำงานมากขึ้นอีกด้วย แต่เมื่อใดที่ร่างกายของเราได้รับคาเฟอีนเข้าไปในปริมาณมากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายของเราได้เช่นกัน ซึ่งจะทำให้ร่างกายของเราได้รับผลกระทบโดยตรง ไม่ว่าจะเป็น อาการใจสั่น รู้สึกไม่สบายตัว ปวดหัว นอนไม่หลับ หรืออาจมีผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่รุนแรงตามมาก็ได้ ดังนั้น หากถามว่าการดื่มกาแฟสามารถช่วยในเรื่องของการลดไมเกรนได้หรือไม่ วันนี้เรามีคำตอบค่ะ 

การดื่มกาแฟนั้นสามารถช่วยลดอาการไมเกรนได้เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น ไม่ได้ช่วยบรรเทาไปตลอด เพราะส่วนผสมหลักของกาแฟก็คือคาเฟอีน ซึ่งตัวคาเฟอีนจะมีฤทธิ์ที่ช่วยในการหดตัวของหลอดเลือดเมื่อเรามีอาการปวดไมเกรนระยะเฉียบพลัน ดังนั้น เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกปวดหัวไมเกรน การดื่มกาแฟเข้าไปอาจจะช่วยบรรเทาอาการปวดให้ลดลงได้

เพราะกาแฟก็เปรียบเสมือนยาที่ช่วยรักษาโรคได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม อย่างที่ได้บอกไปว่า สามารถช่วยเรื่องไม่เกรนได้แต่ก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่หากเราดื่มเป็นประจำไม่ขาด ก็อาจจะช่วยในระยะยาวได้ เพราะคาเฟอีนเป็นตัวเข้าไปกระตุ้นระบบประสาทให้ตื่นตัว และทำให้หลอดเลือดของเราเกิดการหดตัว

แต่เมื่อไหร่ที่เราหยุดกิน ก็อาจจะส่งผลเสีย ทำให้อาการไมเกรนของเรากำเริบขึ้นมาก็ได้ หรือบางคนอาจจะเป็นหนักมากกว่าเดิมก็มี ทั้งนี้ เราจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า กาแฟนั้นไม่ได้เป็นตัวช่วยที่สามารถรักษาอาการไมเกรนให้หายได้ แต่เป็นเพียงตัวช่วยบรรเทาอาการเท่านั้น ซึ่งข้อดีของการดื่มกาแฟสำหรับผู้ป่วยไม่เกรนคือ เมื่อเราได้รับกาแฟเข้าไปในร่างกายในปริมาณที่เหมาะสม จะสามารถลดความเครียดของเราลงได้อีกด้วย เพราะเชื่อว่าสังคมสมัยนี้หลายคนคงมีเรื่องให้เครียดกันเยอะ

ฉะนั้น การดื่มกาแฟอย่างน้อยวันละ 2 แก้ว นอกจากจะช่วยลดความเครียดแล้วยังทำให้เรานั้นรู้สึกสดชื่นได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม การใช้ชีวิตในสมัยนี้เป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และครบทั้ง 5 หมู่ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ดูแลรักษาสุขภาพร่างกายอยู่เสมอเพียงแค่นี้ก็สามารถมีสุขภาพร่างกายที่แข็ง และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

 

ได้รับการสนับสนุนโดย.  ทางเข้า ufabet ภาษาไทย