ออกกำลังกายแล้วได้อะไร

ออกกำลังกายแล้วได้อะไร

ได้เพื่อนใหม่มิตรภาพใหม่ การไปออกกำลังกายตามสวนสุขภาพหรือสวนสาธารณะ ทำให้เราได้พบปะผู้คนมากหน้าหลายตา ในบรรดาพวกคนเหล่านั้นเชื่อเถอะว่าเราต้องได้เจอะเจอคนที่เป็นมิตรและอยากคบหากับเรา แรกๆตอนเจอกันใหม่อาจแค่ส่งยิ้มทักทายให้กัน เมื่อได้เจอกันบ่อยเข้าก็เริ่มกลายมาเพื่อนที่เดินด้วยกัน และพัฒนาความสัมพันธ์จนเป็นกลุ่มเป็นแก็งค์เดินวิ่งด้วยกันทุกวันอย่างมีความสุขสนุกสนาน

ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น  ในกลุ่มแก๊งค์ที่มาออกกำลังกายด้วยกันกับเรา บางคนอายุเด็กกว่า บางคนแก่กว่า เราจะเจอผู้คนหลากหลายอาชีพ มีหน้าที่การงานและสถานะการเงินแตกต่างกัน คนสูงอายุส่วนใหญ่จะเป็นคนแก่เกษียณที่ผ่านการทำงานที่มั่นคงบางคนเป็นครูบาอาจารย์ ในขณะที่เราเดินออกกำลังกายด้วยกัน เราก้อจะมีการพูดคุยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่ก้อปรึกษาปัญหาต่างๆในชีวิต ไม่ก้อคุยเรื่องสรรพเพเหระไปทั่ว ซึ่งการที่เราได้พูดคุยกันนั้นถือว่าเราได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน บางเรื่องเราจะได้รู้ว่ามุมมองของคนอื่นว่าเค้าคิดเห็นเป็นเช่นไร มีการแนะนำแนวทางดีๆให้แก่คนในกลุ่ม โดยเฉพาะเรื่องการรักษาสุขภาพ

ได้สุขภาพที่แข็งแรงดี  ส่วนใหญ่ร้อยละ 50 ของคนที่มาออกกำลังกายมักจะมีโรคประจำตัวกันมาก่อนและคุณหมอแนะนำให้มาออกกำลังกาย  คนสูงอายุบางคนเป็นโรคเบาหวาน บ้างก้อเป็นโรคความดันโลหิตสูง ถ้าหนุ่มๆสาวๆก้อมักเป็นโรคออฟฟิศซินโดมปวดหลัง ปวดเอว การที่เราได้ออกกำลังกายได้ยืดเส้นยืดสาย อาการหรือโรคที่เป็นอยู่จะดีขึ้น บางคนไปตรวจร่างกายคุณหมอบอกโรคหายไปแล้วก้อมี

ได้ลดความอ้วน  เรื่องอ้วนเรื่องผอมเป็นเรื่องที่ทุกเพศทุกวัยล้วนให้ความสำคัญ เพราะความอ้วนอาจนำพามาสู่โรคได้หลายชนิดไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต โรคปวดข้อปวดเข่า  ความอ้วนอาจทำให้เราเสียบุคลิกภาพเพราะเราจะกลายเป็นคนอุ้ยอ้ายดูเชื่องช้าทำอะไรไม่คล่องแคล้วไม่กระชับกระเฉง ใส่เสื้อผ้าออกมาแล้วไม่สวย

โดยเฉพาะคนที่อายุเกิน 30 ปีไปแล้วระบบเผาพลาญจะทำงานได้ช้าลง กินอะไรนิดหน่อยก้ออ้วน ถ้าเราไปออกกำลังกายมันก้อจะมีผลไปกระตุ้นให้ระบบเผาพลาญในร่างกายเราดีขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องทำควบคู่กับการควบคุมอาหารไปด้วย ควรกินนมจืด ผักผลไม้ที่มีกากใยรสชาติไม่หวาน งดของทอด ขนมนมเนย น้ำอัดลม ไม่ใช่ออกกำลังกายแล้วกลับบ้านมาก้อยังไม่ปรับพฤติกรรมการกินอันนี้เราก้ออาจจะเป็นโรคอ้วนได้

 

ขอบคุณผู้ที่ให้การสนับสนุนโดย  Gclub ดาวน์โหลด

แผลร้อนในในช่องปาก

แผลร้อนในในช่องปาก เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีอาการมีแผลในปากซึ่งเรารู้กันดีว่าหากในปากเราเป็นแผลนั่นคือเราเกิดอาการร้อนในซึ่งสำหรับปัญหาแผลในปากนี้ไม่ได้สร้างอันตรายอะไรเพียงแต่เราจะรู้สึกเจ็บและทรมานเวลาต้องกินอาหารเข้าไปยิงจะเป็นอาหารรสเผ็ดจะยิ่งทำให้เราแสบร้อนมากหลายคนคงเป็นบ่อยแต่อาจจะไม่ทราบสาเหตุว่าเราเป็นร้อนในได้ยังไง วันนี้เราจะมาหาสาเหตุของการเป็นร้อนในมาให้ทราบกัน

        ซึ่งส่วนใหญ่ของคนที่เป็นร้อนในจะมีสาเหตุมาจากความเครียดความพักผ่อนไม่เพียงพอ รวมถึงการที่เราดื่มน้ำน้อยเกินไปหรืออาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในร่างกายเกี่ยวกับพวกฮอร์โมนต่างๆซึ่งแผลร้อนในนี้เราจะเป็นในช่องปากอาจจะเป็นที่เหงือก ลิ้น   กระพุ้งแก้ม หรือแม้แต่เพดานปาก ก็สามารถมีแผลร้อนในได้ การร้อนในไม่ใช่เรื่องที่อันตรายแต่ก็ควรจะรีบรักษาเรามาดูวิธีที่จะช่วยให้แผลร้อนในของเราหายเร็วๆเร็วๆว่ามีอะไรบ้าง

  1. ทุกครั้งที่เรากินอาหารเสร็จเราควรจะต้องบ้วนปากด้วยน้ำ เกลือหรือหากเป็นไปได้บ้วนปากทุก 2 ชั่วโมงได้จะยิ่งดี
  2. ไม่ควรใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
  3. ควรเลือกซื้อแปรงสีฟันที่ที่ขนไม่แข็งจนเกิน ไป  เลือกที่มีความอ่อนนุ่ม เพื่อป้องกันขนแปรงไปถูกแผลและเหงือกในขณะที่เราแปรงฟัน
  4. กินอาหารที่รสไม่จัดและควรเป็นอาหารที่เคี้ยวง่ายย่อยง่าย
  5. ไม่ควรทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่เย็นจัดหรือร้อนจัดจนเกินไป
  6. เราควรจะต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอโดยปกติแล้วต้องนอนอย่างน้อยหกถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน
  7. ดื่มน้ำให้มากๆเพราะโดยปรกติร่างกายของคนเราจะต้องการน้ำวันละหกถึงแปดแก้วต่อวันซึ่งถ้าหากเรากินน้ำน้อยจะสังเกตได้ว่าปัสสาวะที่ออกมาจะเป็นสีเหลืองเข้มดังนั้นเราจึงควรกินน้ำจนกว่าปัสสาวะจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน
  8. พยายามไม่เครียดควรหากิจกรรมที่สนุกสนุกทำเพื่อลดความเครียดให้กับตัวเอง
  9. งดเครื่องดื่มที่เป็นแอลกอฮอล์ เพราะมันจะเข้าไปทำการกัดแผลในปากทำให้เราเจ็บ
  10. หากทำทุกวิธีทางที่แจ้งมาแล้วอาการแผลในปากยังไม่ดี ขึ้นควรไปปรึกษาแพทย์ให้แพทย์เป็นผู้ทำการรักษาเพราะแพทย์จะมียาสำหรับการรักษาโดยเฉพาะซึ่งในปัจจุบันเราสามารถหาซื้อยานี้ได้จากร้านขายยาทั่วไปโดยบอกกับทางเภสัชกรว่าขอยาแก้ร้อนในจะเป็นยาเอาไว้สำหรับทาตรงแผลใช้เพียงแค่สองถึงสามแผลก็จะหาย

 

โรคเบาจืด รักษาไม่หาย กินยาตลอดชีวิต

“โรคเบาจืด” คุณเคยได้ยินชื่อโรคนี้หรือไม่?

โรคเบาจืด บางคนอาจจะเคยหรือไม่เคย เพราะส่วนใหญ่เรามักจะได้ยินแต่โรคเบาหวานกันแน่ๆ เอาล่ะถ้าอย่างนั้นเรามาทำความรู้จักกับ โรคเบาจืด เลยดีกว่า โรคนี้เป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่ก็ยังถือว่าเป็นโรคที่พบได้น้อยมากอยู่ ซึ่งเราจะพบคนเป็นโรคเบาจืดนี้ได้ 3-4 คน จากคนทั้งหมด 1 แสนคน แต่ทุกคนควรทราบเอาไว้ว่า โรคเบาจืด นั้นไม่มีการรักษาที่ทำให้หายขาดได้ถาวร ผู้ป่วยที่เป็นนี้จะต้องทำการรักษาด้วยการทานยาเพื่อประคับประคองชีวิตไปเท่านั้น และจะต้องทานยาไปตลอดชีวิต อาการของผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้สังเกตได้จากการปัสสาวะบ่อยครั้งละมากๆ สังเกตที่ปัสสาวะจะไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ผู้ป่วยจะมีความรู้กระหายน้ำ อยากทานน้ำบ่อยๆ ถ้าหากว่าทานน้ำไม่ทันหรือไม่เพียงที่จะไปทดแทนในส่วนที่เสียไปนั้น จะทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำขั้นรุนแรง มีอาการรู้สึกซึม ไม่รู้สึกตัว จนช็อก

หรือหมดสติลงได้ นั้นเป็นเพราะว่าร่างกายของผู้ที่ป่วยที่เป็นโรคเบาจืดนั้นไม่สามารถรักษาสมดุลของน้ำในร่างกายเอาไว้ได้ และนอกจากนี้ที่ควรสังเกตคือ อาการปวดตามร่างกายโดยเฉพาะบริเวณเอว ท้องน้อย สืบเนื่องมาจากการคั่งของปัสสาวะที่เกิดขึ้นบริเวณท่อไต กรวยไต กระเพาะปัสสาวะ จึงส่งผลกระทบให้อวัยวะดังที่กล่าวไปมีลักษณะที่โตขึ้น สาเหตุหลักสำคัญของการเป็นโรคเบาจืดนี้คือ ร่างกายไม่สามารถที่จะหลั่งฮอร์โมนออกมาได้ อย่างเช่น ผู้ป่วยที่เคยได้รับการผ่าตัดบริเวณใกล้ต่อมใต้สมอง

จะมีอาการแทรกซ้อนตามมาทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาจืด และอีกสาเหตุคือ ไตผิดปกติตั้งแต่กำเนิด ซึ่งในตอนแรกเกิดของเด็กจะไม่มีอาการที่แสดงให้เห็นว่าเป็นโรคเบาจืด แต่จะเริ่มแสดงอาการเมื่อตอนอายุประมาณ 1-3 ขวบ หรือพบในบางรายที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้ว อยากที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าโรคนี้ไม่มีวิธีการรักษาทางการแพทย์ให้หายขาดได้ แต่จะต้องทานยาเท่านั้น และการรับมือดูแลตัวเองสำหรับคนเป็นโรคนี้คือ ควรที่จะดื่มน้ำให้เพียงพอ ยิ่งได้ถ้าได้ไปอยู่ในที่ที่มีสภาพอาการร้อนมากๆ

จะยิ่งทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากเป็นปกติ เพราะฉะนั้นแล้วจะต้องพยายามดื่มน้ำให้เพียงพอที่จะสามารถทดแทนน้ำที่สูญเสียออกไปได้ น้ำที่ควรดื่มต้องเป็นน้ำเปล่า การทานอาหารควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสชาติเค็มจัดและเกลือที่โซเดียมสูง และโรคนี้จะต้องทานยาอย่างสม่ำเสมอห้ามหยุดยา ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โรคนี้มักจะเกิดขึ้นกับเด็ก แต่ในวัยผู้ใหญ่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ หากสงสัยหรือมีอาการเข้าข่ายให้รีบไปตรวจเพื่อวินิจฉัย เนื่องจากภาวะเบาจืดนั้นอาจจะเป็นอาการของโรคทางสมอง โรคเลือด หรือความผิดปกติในร่างกายตั้งแต่กำเนิดบางอย่างได้

 

ขอบคุณเรื่องราวโดย  วิธีเล่นบาคาร่าให้รวย