สารอาหารที่ช่วยบำรุงเส้นผมได้

สารอาหารที่ช่วยบำรุงเส้นผมได้ สาว ๆ ส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้ มักที่จะให้ความสนใจเกี่ยวกับการดูแลเส้นผมเป็นอย่างมาก เพราะเนื่องจากว่าเส้นผม เป็นสิ่งที่จะช่วยเพิ่มบุคลิก

เสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้หญิงส่วนใหญ่ได้ ยิ่งผมสวย ผมหอมตลอดทั้งวัน ผมดกดำเงางาม รวมไปถึงการมีเส้นผมที่ดูแข็งแรงมีน้ำหนัก ก็จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิตได้ ซึ่งส่วนใหญ่เราจะเห็นได้ว่าสาว ๆ เริ่มมองหาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในการดูแลเส้นผม

แต่รู้หรือไม่ว่าสินค้าบางอย่างก็อาจเป็นตัวที่คอยทำลายเส้นผมของเราอยู่ตลอดเวลาก็ได้ และในสมัยปัจจุบันนี้นอกจากจะมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถช่วยในการดูแลเส้นมผม ก็ยังมีสารอาหารบางชนิดที่มีส่วนช่วยในการดูแลบำรุงเส้นผมของเราให้แข็งแรง เงางาม และมีน้ำหนัก

และสารอาหารต่าง ๆ ก็จะอุดมอยู่ในอาหารหลากหลายชนิด ซึ่งเราสามารถเลือกทานอาหารได้ตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดูแลเส้นผม หรือใครที่กำลังมีปัญหาผมแห้งเสีย ไม่มีน้ำหนัก ผมชี้ฟู หรือปัญหาอื่น ๆ เกี่ยวกับเส้นผม วันนี้เราก็จะมาแนะนำสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการดูแลเส้นผม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น จะมีสารอาหารประเภทไหนกันบ้างไปดูกันเลย 

กรดโฟลิก สารอาหารนิดนี้เราสามารถหาได้จาก ไข่ ถั่ว ธัญพืช มะนาว กล้วย มะละกอ หรือแม้แต่หน่อไม้ฝรั่ง ซึ่งเป็นอาหารที่สามารถหาทานกันได้ง่าย ๆ โดยสรรพคุณของสารอาหารชนิดนี้จะมีส่วนช่วยในการสร้างเซลล์ต่าง ๆ ให้แก่ร่างกายโดยเฉพาะในส่วนของเส้นผม

ซึ่งหากร่างกายของเราได้รับสารอาหารชนิดนี้เข้าไปแล้วจะเข้าไปช่วยทำให้เส้นผมของเรานั้นหงอกออกมาใหม่ ทั้งยังช่วยลดปัญหาผมร่วงได้เป็นอย่างดีอีกด้วย รับรองได้เลยว่าหสกทานเป็นประจำจะยิ่งเป็นตัวช่วยในการดูแลบำรุงเส้นผมของเราให้แข็งแรงได้มากยิ่งขึ้น 

สังกะสี สารอาหารชนิดนี้สามารถหาได้จากอาหารทะเล รวมไปถึงผักกาดหรือมั่นฝรั่ง โดยสรรพคุณของสารอาหารชนิดนี้จะมีส่วนช่วยในการซ่อมแซมเส้นผมของเรา ทั้งยังช่วยในการกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ให้แก่เส้นผมอีกด้วย นอกจากนี้สังกะสียังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นให้ต่อมไขมันบนเส้นผมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จนส่งผลให้เส้นผมของเรามีความแข็งแรง และช่วยลดการขาดหลุดร่วงได้เป็นอย่างดีอีกด้วย 

วิตามินซี แน่นอนว่าสารอาหารชนิดนี้สามารถหาได้จาก ผัก ผลไม้ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีรสชาติเปรี้ยว ซึ่งสารอาหารชนิดนี้เรียกได้ว่าเป็นสารอาหารที่ตีต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดการอักเสบได้ ทั้งยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายได้อีกด้วย และที่สำคัญวิตามินซีสามารถช่วยบำรุงเส้นผมของเราให้แข็งแรงได้ ช่วยลดการเกิดผมหงอก และช่วยลดอาการผมร่วงได้เป็นอย่างดีด้วย 

 

สนับสนุนโดย  ufabet

เคล็ดลับแก้อาหารปวดหลังสำหรับคนท้อง

ปัจจุบันนี้คนท้องส่วนใหญ่มักที่จะมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาอาการปวดหลัง ซึ่งแน่นอนว่าคนท้องส่วนใหญ่มักที่จะพบเจอกับปัญหาต่าง ๆ นี้

เคล็ดลับแก้อาหารปวดหลัง แต่คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ส่วนใหญ่ก็มักที่จะมีปัญหาสุขภาพร่างกายที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับระยะของครรภ์ด้วย ดังนั้น อาการปวดหลังจึงเป็นหนึ่งในอาการที่ถือว่าพบเจอได้บ่อย เนื่องจากว่ายิ่งท้องเราโตมากแค่ไหน สัญญาณเตือนปัญหาสุขภาพร่างกายต่าง ๆ ก็จะโผล่ขึ้นมาให้เราเจออยู่เสมอ ซึ่งคุณแม้ส่วนใหญ่มักที่มีอาการอาเจียน เวียนหัว เหนื่อยง่าย เครียด รวมไปถึงอาการอื่น ๆ อีกมากมาย อย่างไรก็ตาม

สำหรับใครที่มีปัญหาอาการปวดหลังในระหว่างการตั้งครรภ์ และอยากแก้ปัญหา หรือบรรเทาอาการด้วยตนเอง วันนี้เราก็ได้มีเคล็ดลับในการแก้อาการปวดหลังฉบับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ จะมีวิธีไหนกันบ้างไปดูกันเลย 

การปรับท่านอน ส่วนใหญ่แล้วเรามักที่จะเคยชินกับท่านอนแบบหงาย แต่รู้หรือไม่ว่าถ้าเราท้องอยู่ แล้วนอนท่านี้อาจทำให้เรานั้นมีอาการปวดหลังได้ ทางที่ดีสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งท้อง ควรที่จะปรับเปลี่ยนท่านอนให้เหมาะสม เป็นท่านอนตะแคงจะดีกว่า

และควรที่จะมีหมอนข้างที่มีความแข็งแรงเอาไว้หนุนเข่า เพื่อที่จะได้ช่วยในการลดน้ำหนักครรภ์ของเรา และท่านี้อาจเป็นท่าที่จะช่วยคลายอาการเกร็งของกล้ามเนื้อได้ แถมยังช่วยลดภาระการทำงานของกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดีอีกด้วย 

การหลีกเลี่ยงการยืนนาน ๆ สำหรับคุณแม่คนไหนที่กำลังตั้งท้องและมีอาการปวดหลังอยู่บ่อย ๆ ก็ไม่ควรที่จะเดิน หรือยืนนานจนเกินไป เพราะเนื่องจากว่าน้ำหนักครรภ์นั้นจะถ่วงบริเวณด้านหน้า และจะยิ่งทำให้เรามีอาการปวดหลังได้ง่าย จนส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณหลังของเรานั้นทำงานหนักเกินไป และถ้าเรายิ่งยืนนาน ๆ ก็จะยิ่งทำให้กล้ามเนื้อเกิดการล้าได้ ฉะนั้น หากรู้สึกว่าตนเองยืนนานเกินไป ก็ควรที่จะนั่งพัก เพื่อให้การไหลเวียนเลือดนั้นดียิ่งขึ้น 

การหลีกเลี่ยงการใส่ส้นสูง ถึงแม้ว่าการสวมใส่รองเท้าส้นสูงนั้นจะทำให้เราดูสวยมากแค่ไหนก็ตาม แต่รู้หรือไม่ว่าในระหว่างการตั้งครรภ์นั้นเราควรที่จะหลีกเลี่ยงการสวมใส่รองเท้าส้นสูง เพราะเนื่องจากว่าอาจส่งผลให้เรามีอาการปวดเมื่อตามร่างกายได้ หรืออาจส่งผลให้กล้ามเนื้อของเรามีอาการเกร็ง แถมยังอาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้อีกด้วย และยิ่งอาจทำให้เราได้รับความเสี่ยงต่อการสะดุดล้มได้ง่ายอีกด้วย

 

สนับสนุนโดย    ufabet

ผู้ให้บริการดูแลทางสังคมและระบบการดูแลแบบบูรณาการโอกาสและความท้าทาย

การดูแลทางสังคมของผู้ใหญ่ การดูแลแบบบูรณาการ สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการดูแลทางสังคมสำหรับผู้ใหญ่ บางครั้งอาจเป็นเรื่องที่น่าตกใจเมื่อตระหนักถึงขนาดและความหลากหลายของภาคส่วนนี้

มีพนักงานประมาณ 1.5 ล้านคนในองค์กรประมาณ 17,700 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคเอกชน แต่ก็มีองค์กรภาคอาสาสมัครจำนวนพอสมควรเช่นกัน การเข้าถึงของภาคส่วนนี้กว้าง ตัวอย่างเช่น มีเตียงในบ้านพักคนชรามากกว่าในโรงพยาบาลเฉียบพลัน และภาคส่วนจ้างคนดูแลแนวหน้าเกือบ 800,000 คน ซึ่งไม่ได้ทำงานแค่ในสถานดูแลที่อยู่อาศัยแต่ในชุมชนและตามบ้านด้วย จึงเป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญและศักยภาพอย่างมากในแวดวงสุขภาพและการดูแลที่กว้างขึ้น

โอกาสแต่ยังเป็นความท้าทายสำหรับระบบการดูแลแบบบูรณาการที่สร้างขึ้นใหม่ (ICSs) คือวิธีที่ดีที่สุดที่จะมีส่วนร่วมกับการดูแลทางสังคมสำหรับผู้ใหญ่เพื่อส่งมอบความทะเยอทะยานในการสนับสนุนสุขภาพ ความเป็นอยู่ที่ดี และความเป็นอิสระของประชากร บริการ. ด้วยเหตุนี้ NHS England จึงขอให้ The King’s Fund

สำรวจกับผู้ให้บริการดูแลสังคมผู้ใหญ่ถึงความหวังและความคาดหวังของพวกเขาสำหรับระบบการดูแลแบบบูรณาการ ระดับการมีส่วนร่วมในปัจจุบันของพวกเขาใน ICS และสิ่งที่สามารถทำได้เพื่อปรับปรุงการมีส่วนร่วม

เราได้พูดคุยกับผู้ให้บริการเกือบ 40 รายจากทั่วทั้งการดูแลทางสังคมสำหรับผู้ใหญ่ บางรายเป็นรายบุคคลและบางส่วนเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มโฟกัส เรายังพูดคุยกับหน่วยงานที่เป็นตัวแทนของผู้ให้บริการดูแลสังคม เช่น Care England, Homecare Association และ National Care Forum การสัมภาษณ์และการสนทนากลุ่มทั้งหมดประมาณ 14 ชั่วโมงเกิดขึ้น

ในช่วงเดือนเมษายน 2565 สิ่งที่เราได้ยินแสดงให้เห็นทั้งศักยภาพของภาคการดูแลทางสังคมและความท้าทายที่จะต้องเอาชนะเพื่อมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในระบบการดูแลแบบบูรณาการ

ผู้ให้บริการดูแลทางสังคม เราได้ยินมาว่าผู้ให้บริการดูแลสังคมสำหรับผู้ใหญ่มีความชัดเจนว่าพวกเขานำคุณค่า ความรู้ และทักษะที่จำเป็นต่อวิสัยทัศน์ของ ICSs ผู้ให้บริการพูดถึงความหลงใหลในหลักการดูแลที่เน้นบุคคลเป็นศูนย์กลางและความสำคัญของการเข้าถึงชุมชนและบ้าน ซึ่งมักจะนึกถึงการดูแลบ้านโดยเฉพาะ – ในห้องนั่งเล่นของผู้คน พวกเขายังพูดคุยเกี่ยวกับความรู้และข้อมูลที่ประสบการณ์นี้มอบให้ และศักยภาพในการวางแผนการบริการและการป้องกัน

ผู้ให้บริการเห็นศักยภาพที่แท้จริงใน ICS เพื่อปรับปรุงผลลัพธ์สำหรับบุคคลและครอบครัวของพวกเขา และเพื่อเปลี่ยนระบบสุขภาพและการดูแลไปสู่แนวทางที่เน้นบุคคลเป็นศูนย์กลางมากขึ้น พวกเขายังเห็นโอกาสของประสิทธิภาพและการทำงานร่วมกันในประเด็นที่มีข้อกังวลร่วมกัน เช่น การจัดหาพนักงาน

อย่างไรก็ตาม มีอุปสรรคมากมายในการมีส่วนร่วมของพวกเขา และผู้ให้บริการก็ไม่อายที่จะบอกเราเกี่ยวกับพวกเขา พวกเขาพูดด้วยความหลงใหลและมักจะหงุดหงิดเกี่ยวกับความแตกต่างทางวัฒนธรรมระหว่างสุขภาพและการดูแล และสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าขาดความไว้วางใจระหว่างทั้งสองฝ่าย พวกเขาพูดถึงความเข้าใจผิดขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับสิ่งที่ภาคผู้ให้บริการ ASC เป็นและทำ และการขาดความไว้วางใจในความเชี่ยวชาญของพนักงาน

พวกเขากล่าวว่าทั้งหมดนี้นำไปสู่ความสัมพันธ์ทางธุรกรรมแบบพ่อซึ่งผู้ให้บริการ ASC ไม่รู้สึกว่ามีค่าหรือชื่นชม สิ่งนี้จำเป็นต้องเอาชนะเพื่อให้ผู้ให้บริการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ใน ICS พวกเขากล่าว ผู้ให้บริการตระหนักดีว่าขนาด ความสามารถ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งความหลากหลายของภาคส่วนเป็นอุปสรรคต่อการมีส่วนร่วม ส่วนหนึ่งเป็นคำถามเกี่ยวกับเวลาที่มีอยู่สำหรับองค์กรขนาดเล็ก แต่สำหรับผู้ให้บริการ ASC ขนาดใหญ่ เพื่อมีส่วนร่วมกับ ICS หลายแห่ง นอกจากนี้ ผู้ให้บริการยังได้รับการยอมรับอย่างชัดเจนว่าขนาดและความหลากหลายของภาคส่วนนี้ทำให้ต้องดิ้นรนเพื่อเป็นตัวแทนของตนเอง และนั่นอาจจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อมีส่วนร่วมกับ ICS

เรารู้สึกว่าหลายประเด็นเหล่านี้มีรากฐานมาจากความแตกแยกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้งและซับซ้อนระหว่างสุขภาพและการดูแล รวมถึงการแบ่งระหว่าง NHS ‘ฟรีและระบบการดูแลทางสังคมที่ผ่านการทดสอบด้วยวิธีการ ซึ่งเป็น NHS ที่มีพนักงานและส่งมอบเป็นส่วนใหญ่ โดยเจ้าหน้าที่ภาครัฐและระบบการดูแลทางสังคมที่ผู้ให้บริการส่วนใหญ่อยู่ในภาคอิสระ

และ NHS ที่มุ่งเน้นทางคลินิกและระบบการดูแลทางสังคมที่ให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของแต่ละบุคคลมากขึ้น เรารู้สึกว่าปัญหาเหล่านี้มีรากฐานมาจากความแตกแยกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้งและซับซ้อนระหว่างสุขภาพและการดูแล แต่เราไม่รู้สึกว่าความท้าทายนั้นผ่านไม่ได้ เราแนะนำการดำเนินการทันทีสามประการ ในระยะสั้น มีความจำเป็นต้องปรับปรุงการสื่อสารและการมีส่วนร่วมของ ICS

กับผู้ให้บริการดูแลทางสังคมสำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนที่สุดเมื่อมีการพัฒนากลยุทธ์การดูแลแบบบูรณาการ โดยทั่วไปแล้ว มีความจำเป็นต้องปรับปรุงความเข้าใจพื้นฐานระหว่างภาคส่วนด้านสุขภาพและการดูแลสุขภาพ เพื่อรับมือกับความแตกแยกที่มีอยู่ในปัจจุบัน ประการสุดท้าย จำเป็นต้องพัฒนาทางเลือกเชิงโครงสร้างสำหรับผู้ให้บริการดูแลทางสังคมสำหรับผู้ใหญ่ที่จะมีส่วนร่วมใน ICS

 

สนับสนุนโดย    ufabet

ความงามคืออะไรตอนนี้

ในการระบาดใหญ่ เรากำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่อยู่ภายใต้การดูแลความงามทั้งหมด “ถ้าเรามองว่าความงามเป็นสิ่งที่เราต้องปลดปล่อย

เราจะพลาดวิธีที่ผู้คนประสบกับมัน” Hannah McCann อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นที่เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมความงาม [In Her Words มีให้ในรูปแบบจดหมายข่าว ลงทะเบียนที่นี่เพื่อจัดส่งให้ทางอินบ็อกซ์ของคุณ Kristi Cooper ผู้ช่วยฝ่ายธุรการวัย 51 ปี แทบรอไม่ไหวที่จะย้อมรากของเธอให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ Karen Parker

ผู้อำนวยการโครงการ Midcoast Hunger Prevention วัย 62 ปี จะยังคงปล่อยให้เธอเติบโตต่อไป ท้ายที่สุด เธอสามารถผ่านช่วงที่น่าอึดอัดใจไปได้แปดสัปดาห์แล้ว “ฉันกังวลเรื่องนี้” เธอกล่าว “แต่ฉันคิดว่าถึงเวลาแล้ว” ความงามคืออะไรตอนนี้

ในระหว่างการกักกัน Parker เริ่มสังเกตเห็นเวลาและค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เธอใช้ไปกับการแต่งเติมรายเดือนของเธอ “แต่ฉันสามารถอยู่ข้างนอกได้ ฉันสามารถเดินป่า ฉันสามารถอยู่ในสวนของฉัน ฉันสามารถอ่านหนังสือได้” เธอกล่าว “ฉันถามตัวเองว่า อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ‘” แต่สำหรับชาวกะเหรี่ยงปาร์คเกอร์ทุกคน มีคริสตี้ คูเปอร์

“ฉันจะไม่โกหก” คูเปอร์กล่าว “ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะกลับเข้าไปในเก้าอี้ร้านเสริมสวยตัวนั้นแล้วกลับมารู้สึกปกติอีกครั้ง” เธอย้อมผมทุกสามสัปดาห์เป็นเวลา 30 ปี

ในขณะที่ผมเปลี่ยนเป็นสีเทาและเศษเล็บเท้าก็หายไป เรากำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่อยู่ภายใต้การดูแลความงามทั้งหมดนั้น สำหรับบางคน มันกลายเป็นช่วงเวลาแห่งการทดลองและความสนุกสนาน สำหรับคนอื่น ๆ มันเป็นเครื่องเตือนใจที่ไม่พึงประสงค์เกี่ยวกับการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการด้านความงามที่หายไป

ผู้หญิงได้รับผลกระทบโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากแรงกดดันต่อความสมบูรณ์แบบของร่างกายมักส่งผลกระทบกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเสมอ

มีสกุลเงินทางสังคมมากมายเกี่ยวกับรูปลักษณ์” เอลิซาเบธ แดเนียลส์ ศาสตราจารย์ผู้วิจัยเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาที่มหาวิทยาลัยโคโลราโด โคโลราโดสปริงส์ กล่าว “ไม่ใช่ว่าผู้หญิงเลือกเข้าร่วม มันอยู่ในอากาศที่เราหายใจ” คำเตือนของ ‘Tripledemic’: การเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยโควิดในฤดูหนาวที่คาดการณ์ไว้ดูเหมือนจะพร้อมจะปะทะกับฤดูไข้หวัดใหญ่ที่ฟื้นคืนชีพและอีกโรคหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคในโรงพยาบาลเด็กในบางรัฐ

อัปเดต Boosters for Kids สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้ขยายการเข้าถึงภาพสนับสนุน Covid ที่อัปเดตแล้วเพื่อรวมเด็กอายุไม่เกิน 5 ปี การลดลงในหมู่ผู้สูงอายุ ชาวอเมริกันที่มีอายุมากกว่า 65 ปียังคงเป็นกลุ่มประชากรที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะได้รับการฉีดวัคซีนโควิดแบบเดิม แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับช็อตเด็ดจากการสำรวจ การเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพ งานวิจัย

ใหม่ชี้ให้เห็นว่าการหยุดชะงักของพิธีกรรมทางสังคมและพิธีกรรมทางสังคมของโควิดทำให้ผู้คนไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด มีความคิดสร้างสรรค์ น่าเห็นใจ และมีสติสัมปชัญญะน้อยลง แต่ถ้าวิกฤตที่ผ่านมาได้สอนอะไรเราบ้าง สูตรความงามส่วนใหญ่จะย้อนกลับมาทันที เจฟฟรีย์ โจนส์ ผู้เขียน Beauty Imagined: A History of the Global Beauty Industry อธิบายว่าความงามมีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ถือว่าลิปสติกเป็นสิ่งจำเป็นในช่วงสงคราม “มันเหมือนกับอาวุธยุทโธปกรณ์หรืออะไรบางอย่าง

เป็นสิ่งที่จำเป็น” เขากล่าว พร้อมเสริมว่าริมฝีปากที่มีชีวิตชีวายังคงรักษาขวัญกำลังใจไว้สูง แม้แต่ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ ผู้คนไม่ได้หยุดซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม พวกเขาเพียงแค่เริ่มซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีราคาไม่แพงมากแทน ในช่วงวิกฤตการเงินปี 2551-2551 ยอดขายยาทาเล็บและมาสคาร่าพุ่งสูงขึ้น ในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ มันคือลิปสติก

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย    ufabet

ประเทศจีนได้ให้ความสำคัญกับโรคเบาหวานอย่างมาก

ซึ่งในหลายองค์กรได้เข้ามาพูดถึงคนที่ป่วยเป็น โรคเบาหวาน โดยทางสหพันธ์เบาหวานนานาชาติมีการรายงานบอกว่าคนจำนวนมากป่วยเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นในช่วงสิบปีที่แล้วมันนับย้อนไปป่วยเพิ่มขึ้นมากขึ้น2.4ก็คือร้อยละ2.4นั่นเองและหมายความว่าคนเป็นหลักร้อยคนทั่วโลกที่มีอาการเบาหวานแล้วจะต้องเข้ารับการรักษา

นอกจากนี้ยังมทีการให้ข้อมูลว่ามีการจัดอันดับประเทศที่มีผู้ป่วยเบาหวานจำนวนมากที่สุดในโลกอันดับหนึ่งก็คือ หมู่เกาะมาร์แชลล์ อันดับคิริบาตี อันดับสามตูวาลู อันสี่ซูดาน แล้วก็มีเรื่องที่อยู่ในเอเชียนเป็นประเทศปากีสถานที่พบว่ามีคนป่วยด้วยโรคเบาหวานจำนวนมากเช่นเดียวกัน

ซึ่งสิ่งที่ทางนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงของการดูแลโพชนาการเรื่องของโรคต่างๆแล้วก็ระบุว่าในกลุ่มประเทศที่มีผู้ป่วยเบาหวานที่มีจำนวนมากมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญอยู่ 2 ปัจจัยด้วยกันก็คือเรื่องของการที่บริโภคอาหารหลักๆแล้วก็เรื่องของการขายการออกกำลังกายนั่นเอง

โดยประเด็นนี้เกี่ยวกับโรคเบาหวานแล้วก็วันเบาหวานโรคเป็นสิ่งที่ทางสื่อหลายๆสำนักเขามองเห็นแล้วว่ามันมีความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะว่าประชาชนป่วยเป็นโรคเบาหวานในจำนวนที่หลักร้อยล้านคนแล้วโรคนี้ยังไม่มีทางที่จะรักษาให้หายและจะมีการฉีดอินซูลินถือว่าเป็นขั้นตอนที่ค้นพบมาเป็นร้อยปีแล้วเช่นเดียวกัน

เนื่องจากนี้สื่อทางการจีนได้ให้ความสนใจกับโรคเบาหวานเป็นอย่างมกาแล้วก็มีผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่ออกมาพูดถึงประเด็นนี้ว่าการเลือกใช้ชีวิตเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนนั้นรอดจากเบาหวานได้โดยการเลือกเปลี่ยนวิถีชีวิตให้มีสุขภาพดีเป็นวิธีการดีที่สุดในการป้องกันโรคเหวาน

ซึ่งเป็นโรคที่รักาไม่หายเพราะว่าในจีนเองก็มีปัญหาเรื่องของดโรคเบาหวานเช่นเดียวกันข้อมูลในทางการจีนที่ออกมาระบุบอกว่ามีผู้ป่วยโรคเบาหวานประมามณ130ล้านคนโดยมีอัตราการวินิจฉัยโรคในผู้ใหญ่อยู่ที่ร้อยละ12.8ในประเทศดังนั้นหลายๆประเทซก็จำเป็นที่จะต้องมองโรคเบาหวานอย่างจริงจังว่าแต่ละประเทศมีเรื่องของอาหารเรื่องการออกกำลังกายเป็นมาตราการอย่างไรรวมถึงเป็นสิ่งที่มีการรณรงค์กันอย่างไรบ้าง

เพราะว่าข้อมูลที่ออกมา ณ เวลานี้มีผู้เชี่ยวชาญพูดถึงผลวิจัยทางคลินิคที่เห็นเลยว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคนที่ป่วยเป็นเบาหวานอายุน้อยลงเรื่อยๆอันนี้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะว่าช่วงอายุที่น้อยลงเรื่อยๆนั้นมันมีปัจจัยหลายๆอย่างที่ซ้อนอยู่ในนั้นเช่นเดียวกัน

โดยมีข้อมูลผู้ป่วยอายุน้อยและวัยกลางคนมักจะมีความเครียดจากการทำงานแต่ทว่าพวกเขาจะต้องอยู่กับที่ทำงานทำงานอยู่ที่บ้านตลอดเวลาในหลายๆชั่วโมงติดๆกันดังนั้นก็อาจจะไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย

 

สนับสนุนโดย.    ufabet

กล้วยกินแล้วมีประโยชน์แต่ถ้าเกิดกินไม่ถูกวิธีอาจเกิดโทษได้เช่นเดียวกัน

            กล้วยคือผลไม้ที่อยู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน  ในสมัยโบราณคนนิยมนำกล้วยมาบดผสมกับข้าวเพื่อให้เด็กทารกกินแทนอาหารซึ่งแน่นอนนั้นปัจจุบันในวงการแพทย์ได้มีการห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบกินกล้วยบดผสมกับข้าวแล้วเนื่องจากมีการทำวิจัยออกมาพบว่าเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือนนั้นยังคงมีระบบการพัฒนาของลำไส้ที่ยังไม่สมบูรณ์

               ดังนั้นอาหารที่ดีที่สุดของเด็กกลุ่มนี้ก็คือน้ำนมของแม่นั่นเองโดยเด็ดกลุ่มอายุต่ำกว่า 6 เดือนนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องกินของอย่างอื่นนอกจากน้ำนมของแม่ก็ได้รับสารอาหารที่เพียงพอแล้วส่วนถ้าหากใครอยากจะเอากล้วยผสมกับข้าวบดให้ละเอียดแล้วให้เด็กทานนั้นก็สามารถทานได้หลังจาก 6 เดือนเป็นต้นไปนั่นเอง

                    อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเราจะรู้ดีว่ากล้วยนั้นมีประโยชน์หากมีกินเข้าไปนั้นคุณจะได้รับประโยชน์จากการกินกล้วยมากมายไม่ว่าจะมีผลต่อระบบลำไส้หรือมีผลต่อการได้รับพลังงานต่างๆมาใช้ในร่างกายของคุณแต่อย่างไรก็ตามหากเรากินกล้วยแบบไม่ถูกวิธีกล้วยที่มีประโยชน์ก็อาจจะส่งผลทำให้เกิดโทษกับคนได้เช่นเดียวกันเรามาดูกันว่าการกินกล้วยมีโทษอย่างไรได้บ้าง

         อย่างแรกเลยเรารู้กันดีอยู่แล้วว่ากล้วยเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียวและในกล้วยนั้นก็ยังมีความหวานของน้ำตาลธรรมชาติอยู่ดังนั้นถ้าหากเรากินกล้วยเข้าไปในปริมาณมากต่อวันและเราไม่ได้ออกกำลังกายมันก็จะทำให้ร่างกายเราได้รับพลังงานมากเกินความจำเป็นซึ่งแทนที่จะส่งผลดีต่อร่างกายมันกับส่งผลเสียตามมานั่นก็คือเราอาจจะเกิดเป็นโรคอ้วนได้เช่นเดียวกัน

          นอกจากนี้การกินกล้วยนั้นควรจะเลือกกินกล้วยที่สุกแต่ถ้าหากเราเผลอไปกินกล้วยดิบแล้วเราก็มันจะส่งผลทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับระบบการย่อยของเราเกิดอาการย่อยยาก และยังมีผลไปถึงลำไส้นั่นก็คืออาจจะทำให้เรามีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของลำไส้ดูดซึมน้ำไปในปริมาณที่เยอะเพราะว่ากล้วยดิบนั้นจะไปดูดซึมน้ำในลำไส้ของเรานั่นเองนอกจากนี้อาจจะมีปัญหาเรื่องของการท้องผูกหรือท้องอืดก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน

          ดังนั้นการกินกล้วยดิบจึงต้องมีการแปรสภาพของกล้วยดิบให้กลายมาเป็นกล้วยที่สุกก่อนเช่นอาจจะทำเป็นขนมอย่างเช่นกล้วยดิบอบน้ำผึ้งอย่างไรก็ตามด้วยก็เป็นเพียงแค่ผลไม้ชนิดหนึ่งไม่ได้มีคุณสมบัติเกี่ยวกับเรื่องของการรักษาโรคแต่อย่างใดเพียงแต่ว่ากล้วยนั้นให้พลังงานค่อนข้างเยอะดังนั้นเราจึงร่วมกินกล้วยในปริมาณที่พอเหมาะก็เพียงพอแล้วและควรที่จะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็จะทำให้เรานั้นได้รับประโยชน์ดีๆจากกล้วยนั่นเอง  

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  ufabet

สารพัดวิธีสำหรับ คนอยากผอม

 

สารพัดวิธีสำหรับคนอยากผอม


สารพัดวิธีสำหรับคนอยากผอม เรามาเลือกวิธีการลดน้ำหนักที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์กัน 

เพื่อนๆหลายคนเลยที่ลดน้ำหนักมาหลายต่อหลายต่อหลายครั้ง เคยรู้หรือไม่ว่าจริงๆแล้วการลดน้ำหนักนั้นมีหลากหลายวิธีมากๆ วันนี้เราเอาวิธีการลดน้ำหนัก แต่ละแบบมาให้เพื่อนๆได้รู้จักกันละ เพื่อนๆลองดูว่าการลดแบบไหนที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง แล้วลองเอาไปปรับใช้ดูนะ รับรองว่าจะลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้นเลยละ ไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีวิธีอะไรบ้าง

คีโต หรือ คีโตเจนิก การลดน้ำหนักแบบการกินไขมันเพื่อลดไขมัน

หลายๆคนคงเคยได้ยินเรื่องการกิน คีโต หรือ คีโตเจนิก มาบ้างแล้ว แต่บางคนก็ยังเคยรู้หรือไม่เคยลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้มาก่อน วิธีการลดน้ำหนักแบบ คีโตหรือคีโตเจนิก นั้น คือการกินไขมันเป็นหลัก โดยเทียบจากเปอร์เซ็นต์ในการกินอาหารต่อวัน โดย กินอาหารประเภท โปรตีนได้นิดหน่อย และกินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตหรือแป้งให้น้อยสุดๆ เรียกว่าแทบจะไม่กินคาร์โบไฮเดรตหรือแป้งเลย ดังนั้นการกินจะเน้นไปที่อาหารประเภทไขมันนั้นเอง และร่างกายจะเข้าสู่สภาวะ คีโตสิส จากการที่กินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตน้อย และร่างกายจะนำไขมันสะสมมาเผาผลาญนั้นเอง 

พาลิโอ หรือ การกินแบบมนุษย์ยุคก่อน หรือ แบบมนุษย์ถ้ำ

การกินแบบ พาลิโอ หรือ มนุษย์ยุคก่อน หรือ มนุษย์ถ้า นั้น คือ การกินอาหารแบบเนื้อสัตว์จากธรรมชาติ เน้นการกินปลา ผัก และผลไม้ หรือ ธัญพืชจากธรรมชาติ เป็นหลักมากกว่า ซึ่งคนในยุคนี้จะมีการเผาผลาญร่างกายที่ดีและมีผิวพรรณที่สวย เพราะว่าการกินแบบพาลิโอ นั้น คือ กินอาหารจากธรรมชาติเป็นหลัก ไม่กินอาหารใดที่ผ่านกระบวนการทำมากมาย และการกินแบบนี้ยังคงกิน คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และ ไขมัน อยู่เพียงแต่จะกินอาหารตามแบบสมัยยุคก่อนๆ ที่แทบจะไม่มีการแปรรูปอาหาร อย่าง เนย ขนม เบเกอร์รี่ จึงทำให้ร่างกายของคนยุคนี้นั้นค่อนข้างสมดุลจากธรรมชาติ

แอตกินส์ หรือ การกินโปรตีน เป็นหลัก 

การกินแบบ แอตกินส์ มีมานานหลายสิบปีแล้ว เพียงแต่จะมีแค่กลุ่มคนบางคนที่ให้ความสนใจในการลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ การกินแบบ แอตกินส์ คือ การเน้นกินโปรตีนสูงๆ ไม่ว่าจะเนื้อสัตว์หรือถั่วเหลือง ให้เยอะ และกินคาร์โบไฮเดรตต่ำๆ เข้า ไว้กินแป้งน้อยมากๆ เพื่อไม่ให้ร่างกาย ไม่ผลิตอินซูลินเยอะ และให้ร่างกายเลือกเอา ไขมันสะสมในร่างกายมาเผาผลาญ และ ไม่สูญเสียกล้ามเนื้อ เพราะวิธีการแบบ แอตกินส์ คือ การกินโปรตีนสูงๆ อยู่แล้ว เพื่อป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อนั้นเอง

           ลองดูกันนะคะว่าชอบเลือกกินแบบ ไลฟ์สไตล์ไหน เพื่อที่จะได้เหมาะกับตัวเอง 

 

 

ขอบคุณ   ufabet   ที่ให้การสนับสนุน

ชานมไข่มุก

ชานมไข่มุก เครื่องดื่มในปัจจุบันถือว่ามีมากมายหลากหลายให้เลือกบริโภคกันและแน่นอนว่าเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมและแพร่หลายมากในยุคนี้ก็คือ ชานมไข่มุกนั่นเอง ซึ่งเป็นกระแสฮอตฮิตมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป้นที่นิยมในทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะเป็นเครื่องดื่มที่ทานง่ายรสชาติอร่อยและยังมีมากมายหลายรสชาติให้เลือกทานด้วย

ชานมไข่มุกนั้นส่วนประกอบหลักๆก็คือนมและไข่มุก โดยไข่มุกนั้นทำมาจากแป้ง แน่นอนว่าเครื่องดื่มประเภทนี้ถือว่าไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพแน่นอนเพราะในน้ำนมนั้นประกอบไปด้วยน้ำตาลที่มีปริมาณเยอะและไหนจะตัวไข่มุกที่ทำมาจากแป้งอีก จึงทำให้ในปัจจุบันจึงมีการแข่งขันทางตลาดเกี่ยวกับการทำเครื่องดื่มชานมไข่มุกออกมาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชานมไข่มุกแบบที่การันตีว่ากินแล้วไม่อ้วน หรือแบบชานมไขม่มุก 0 แคล ก็มีมากมายหลายแบรนด์ให้เราได้เลือกทาน 

ชานมไข่มุกที่ได้รับความนิยมในเมืองไทยมีหลากหลายแบรนด์มากแต่จะเลือกมาทั้งหมด2แบรนด์ที่ทานแล้วรู้สึกว่านี่แหละชานมไข่มุกที่สุดยอด

  • อันดับ 1 คงจะยกให้ใครไม่ได้นอกจาก Koi หรือ โคอิเตะนั่นเอง เป็นชานมไข่มุกเจ้าดังจากประเทศไต้หวัน  ซึ่งแน่นอนว่าที่ให้ koi เป็นอันดับนึงนั้นเพราะว่านอกจากตัวไข่มุกที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะkoi แล้วนั้นตัวนมของkoiนั้นก็มีรสชาตที่อร่อยหอมและละมุนมาก ยากที่จะหาเจ้าอื่นมาเปรียบได้ ตัวไข่มุกของkoiนั้นจะมีความพิเศษกว่าไข่มุกเจ้าอื่นๆคือ ไข่มุกจะเป็นสีเหลืองทองเนื้อแบบหนึบๆเคี้ยวเพลินมากและตัวน้ำที่เป็นนมที่เมื่อกินกับไข่มุกแล้วมีความกลมกล่อมลงตัวมาก และสิ่งที่การันตีว่าkoiนั่นควรได้อันดับ1ก็คิวที่ต้องต่อเพื่อซื้อชาไข่มุกนั่นเองเพราะไม่ว่าkoiจะมีสาขาเพิ่มมากขึ้น แต่สาขาที่ได้รับความนิยมนั้นแถวยังควยาวเหยียดเหมือนเคย
  • อันดับ 2 คงต้องยกให้ The alley ชานมไข่มุกไต้หวันที่มีสัญลักษณ์รูปกวางนั่นเอง ซึ่งมีมากมายหลากหลายสาขามาก ไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศไทยหรือต่างประเทศ สิ่งที่ทำให้เจ้ากวางนี้มีความโดดเด่นคงจะหนีไม่พ้นเรื่องรสชาติของตัวชานมที่มีความกลมกล่อมหวานมัน เมื่อกินคู่กับไข่มุกสีดำหนุบหนับแล้วนั้นลงตัวมากๆ แม้ราคาจะค่อนข้างสูงแต่ด้วยคุรภาพแล้วนั้นคุ้มค่าสมราคามากๆ

แต่แน่นอนว่าไม่ว่าจะมีเป็นชานมไข่มุกแบรนด์ไหน รสชาติและความอร่อยนั้นไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ เพราะทั้งสองแบบนั้นก็มีความอร่อยที่โดนเด่นเป็นลักษณะเฉพาะของตัวเอง

ดังนั้นการกินชานมไข่มุกนั้นควรจะกินในเวลาที่เหมาะสมและปริมาณที่เหมาะสมด้วย เพราะไม่ว่าจะเป็นแบบไหนหากได้รับประทนเข้าไปเยอะๆแล้วนั้นก็ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพทั้งนั้น

 

 

สนับสนุนโดย   ufabet